|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สทอ. ใส่เกียร์เดินหน้าเต็มสูบ รับกระแสเทรนด์ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัยมาแรงปี 49’ โต 25% เตรียมควงแขนททท.ออกโรดโชว์ต่างประเทศ ประเดิมก.พ.นี้ 2 งานในอเมริกา เจาะกลุ่มสถาบันการศึกษา ส่วนตลาดในประเทศ ททท.ไฟเขียวจัดโซนพิเศษให้ในงานไทยเที่ยวไทย เผยจับมือ สพท.เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร นำร่องจัดอบรมมัคคุเทศก์รุ่นแรก พร้อมเร่งจัดเก็บข้อมูลตัวเลขนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้อย่างเป็นทางการ
นางสุภาภรณ์ ปราชญ์อำไพ นายกสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย(สทอ.) หรือ TEATA เปิดเผยว่า ในปีนี้สมาคมจะร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ทำตลาดเชิงรุก เพื่อต้องการขยายตลาดในกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย ซึ่งจะมีแผนการดำเนินงานเป็น 2 กลุ่ม คือ ตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศ และตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายให้ปีนี้เป็น “ปีแห่งการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ” หรือ เรสฟรอสเทเบิ้ล ทราเวล เยียร์
เดินสายโรดโชว์ต่างประเทศ
ในส่วนของตลาดต่างประเทศ จะนำสมาชิกเดินไปออกงานเทรดโชว์ และโรดโชว์ร่วมกับ ททท. ล่าสุดเดือนก.พ.นี้ จะไปร่วมงาน "เอ็ดดูเคชั่น ทราเวล” หรือการประชุมสมาคมท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา ที่ Daltimre กรุงวอชิงตัน ประเทศอเมริกา ซึ่งสมาคมฯได้รับเกียรติขึ้นบรรยาย ดังนั้นจึงคิดว่าจะใช้เวทีนี้เผยแพร่สินค้าทางการท่องเที่ยวแนวอนุรักษ์และผจญภัยของไทย ซึ่งกลุ่มผู้เข้าร่วมงานจะเป็นสถาบันการศึกษาในอเมริกา ที่เดินทางท่องเที่ยวเพื่อการศึกษาเข้ามาในเอเชีย
ในวันที่ 23-27 ก.พ.นี้ จะเดินทางไปกับ ททท.เพื่อร่วมงาน นิวยอร์คไทม์ ทราเวลโชว์ ซึ่งจะเป็นงานเทรนด์โชว์ที่นำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวในรูปแบบอีโคทัวริสซึ่มโดยเฉพาะ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ททท.ไม่เคยไปร่วมงานโรดโชว์ที่อเมริกาเลย แต่ปีนี้อเมริกาถือเป็นอีกหนึ่งตลาดเป้าหมายที่ททท.สนใจ โดยมองว่าตลาดนี้มีศักยภาพขยายการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นนักเรียนนักศึกษา กลุ่มอาสาสมัครและกลุ่มคนรุ่นใหม่
จัดกิจกรรมกระตุ้นตลอดปี
ด้านตลาดในประเทศ จะร่วมกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) บูมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย ให้คนไทยได้รับรู้ข้อมูล โดยการจัดงานไทยเที่ยวไทย ของ ททท.ปีนี้ จะแยกพื้นที่ส่วนหนึ่งให้แก่ บริษัทนำเที่ยวที่เสนอขายแพกเกจทัวร์แนวอนุรักษ์และผจญภัยให้มาออกบูธ ซึ่งสมาคมฯ จะเน้นการตกแต่งพื้นที่ เพื่อสร้างสีสันและจูงใจให้ผู้มาร่วมงาน แ และเตรียมเข้าร่วมกับสทน.จัดงานอีสานทราเวลมาร์ท เพื่อโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวภาคอีสาน
“เนื่องจากทีต้าเป็นสมาคมที่มีจำนวนสมาชิกยังไม่มาก แต่แนวโน้มตลาดมีการเติบโตสูง ดังนั้นที่ผ่านมาการประชาสัมพันธ์ หรือการจัดงานแฟร์เพียงสมาคมเดียวจึงไม่แรงพอที่นักท่องเที่ยวจะรับทราบและไม่เป็นที่น่าสนใจ แต่นับจากนี้ไปเราจะร่วมงานกับ สทน.เพื่อโปรโมตตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ”
จับมือสพท.อบรมไกด์รุ่นแรก
นางสุภาภรณ์ กล่าวอีกว่า สมาคมฯได้ร่วมกับสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว (สพท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดฝึกอบรมมัคคุเทศก์รุ่นแรก 30 คน เพื่อให้ความรู้ในเรื่องของการนำเที่ยวเชิงนิเวศน์ หรือ ผจญภัย
ปัจจุบันการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์และผจญภัย มีตัวเลขการเติบโตสูง โดยตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปี 2549 โต 25% จากปกติปีก่อนโต 10% ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยโต 10-15% จากปีก่อนโตไม่ถึง 10% ปีนี้ตั้งเป้าโตใกล้เคียงกับปีก่อน และสมาคมฯ ยังได้ร่วมกับสมาชิกทุกคนจัดเก็บข้อมูลสถิติตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการต่อปี ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยข้อมูลที่ได้เพื่อใช้กำหนดนโยบายและแนวทางการดำเนินงานต่อไป ตลอดจนสามารถส่งข้อมูลให้ ททท.เพื่อขอรับการสนับสนุนด้านต่างๆ
“ยอมรับว่าคนไทย ไม่นิยมท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา และนิยมที่จะเดินทางท่องเที่ยวเอง ซึ่งจะได้ข้อมูลความรู้น้อยกว่า การท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งปัจจุบันหากลูกค้าต้องการเป็นส่วนตัว สามารถจัดเป็นกรุ๊ปขนาดเล็กได้ โดยลูกค้าคนไทยส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มบริษัท และสถาบันการศึกษา”
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตลาดหลัก ได้แก่ อเมริกา อังกฤษ และฮ่องกง ซึ่งมีแผนจะขยายตลาดไปยังกลุ่มอเมริกาใต้และยุโรป โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าว จะมีวันพักนานเฉลี่ย 3 สัปดาห์ ค่าใช้จ่ายต่อทริปคนละ 40,000บาท ขณะเดียวกันทัวร์ในกลุ่มเชิงนิเวศน์และผจญภัยจะมีการจับจ่ายระหว่างการเดินทางลงพื้นที่ ซึ่งตรงนี้จะเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างแท้จริง
|
|
|
|
|