|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"วิชัย ทองแตง" ขอเวลาเปลี่ยนแปลงโรงพยาบาลเครือพญาไทอีก 1 ปีมั่นใจรายได้ในปี 51 โตอย่างก้าวกระโดด ชี้ปัญหาในประเทศที่เกิดขึ้นไม่กระทบต่อธุรกิจ ด้าน "หมอเฉลิม" คาดเปิดให้บริการโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อีก 2 สาขา "บางแค-รัตนาธิเบศร์" ปลายไตรมาส 1 พร้อมรับรู้รายได้ทันทีในไตรมาส 2 ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 15% ดันรายได้รวมใกล้แตะ 4,000 ล้านบาท
นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ประสิทธิพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ PYT ผู้ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลกลุ่มพญาไท กล่าวว่า การวางแผนการดำเนินงานของกลุ่มพญาไททำมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งในปีนี้จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในหลายๆ เรื่องเพื่อเป็นการปรับโครงสร้างของธุรกิจ รวมถึงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ในการให้บริการ การซื้อเครื่องมือที่ทันสมัยเข้ามาจึงทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นในประเทศมากนัก
ทั้งนี้ธุรกิจโรงพยาบาลถือว่าเป็นธุรกิจหนึ่งที่ไม่ได้รับผลกระทบทางตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศ เนื่องจากประเมินตัวเลขการเข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาลต่างๆในช่วงที่ผ่านมาทั้งจากคนไทยหรือคนต่างชาติการปรับลดลงถือว่าไม่ได้มีนัยะที่สะท้อนได้ว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
"เราต้องเข้ามาปรับเปลี่ยนหลายอย่างเพราะปัญหาเรามีค่อนข้างมาก เรียกได้ว่าปรับเปลี่ยนแบบ 360 องศาเลยทีเดียวแต่เราเชื่อว่าหลังการปรับเปลี่ยนและเปลี่ยนแปลงจะทำให้เรามีศักยภาพที่ดี และธุรกิจโรงพยาบาลก็ถือว่าเป็นธุรกิจหนึ่งที่สามารถนำเงินเข้ามาในประเทศได้รวมถึงคนทั่วไปก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการเจ็บป่วยไปไม่ได้เราจึงมั่นใจว่าในอนาคตการเติบโตจะต้องดีอย่างแน่นอน"นายวิชัยกล่าว
สำหรับการปรับโครงสร้างของกลุ่มพญาไทต้องยอมรับว่าก่อนการเข้ามาบริหารงาน บริษัทมีปัญหาที่จะต้องแก้ไขปรับปรุงเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก การปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดความแตกต่างอย่างชัดเจนจึงจำเป็นต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่องรวมถึงการซื้อเครื่องมือใหม่ๆเข้ามาเพิ่ม ซึ่งจะให้รายได้รวมถึงผลการเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 50 อาจจะมีการเติบโตที่ไม่ค่อยดีนัก แต่จะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี และสิ่งที่ปรับเปลี่ยนทั้งหมดจะแสดงผลได้อย่างชัดเจนน่าจะประมาณปี 2551
นายแพทย์เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ KH ผู้ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลเครือเกษมราฎษร์ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศตั้งแต่ช่วงตลอดปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนัก เพราะการเข้ารักษาพยายามยังเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันของประชาชนทั่วไป
ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานของบริษัทยังคงเป็นไปตามกำหนดการเดิม โดยในช่วงปลายไตรมาส1/50 โรงแรมพยาบาลเกษมราษฎร์จะเปิดสาขาเพิ่มที่ บางแคและรัตนาธิเบศร์ ซึ่งจะทำให้บริษัทรับรู้รายได้เพิ่มจากสาขาใหม่ได้ในช่วงไตรมาส2/50 ทันที
นอกจากนี้ ศูนย์สุขภาพที่ถนนสาธร ซึ่งถือว่าเป็นการแตกสาขาเพื่อรองรับความต้องการในเรื่องการดูแลสุขภาพของประชาชนโดยจะเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่สนใจในการดูแลสุขภาพและกลุ่มผู้ใช้บริการในระดับสูง ซึ่งขณะนี้ได้เปิดให้บริการแล้วซึ่งจะทำให้บริษัทได้รับรู้รายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วยในส่วนของงบการลงทุนเพิ่มในปีนี้ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์เตรียมงบเพื่อซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัยเข้ามาเพิ่มโดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งการซื้อเครื่องมือเข้ามาเพิ่มในครั้งนี้จะทำให้ศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของโรงพยาบาลสูงขึ้นและสามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการได้มากขึ้นอย่างแน่นอน
"ผลกระทบที่เกิดขึ้นถือว่าน้อยมากเพราะจำนวนผู้ใช้บริการก็ไม่ได้ลดลงไป เรากลับมั่นใจว่าจะมีจำนวนผู้ที่จะมาเข้าบัญชีผู้ประกันขั้นต้นเพิ่มมากขึ้นด้วย การขยายธุรกิจของบริษัทยังต้องดำเนินทุกอย่างตามแผนที่วางไว้ซึ่งในปีนี้เราจะมีรายได้เพิ่มที่เข้ามาค่อนข้างมากทั้งจาก 2 โรงพยาบาลแห่งใหม่ที่จะเปิดในปลายไตรมาส1 นี้และศูนย์สุขภาพที่เริ่มเปิดให้บริการแล้ว"นายแพทย์เฉลิมกล่าว
ประธานกรรมการบริหาร บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล กล่าวอีกว่า ในปีนี้โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ยังตั้งเป้าในการเติบโตของรายได้ในระดับประมาณ 15% ซึ่งน่าจะทำให้รายได้ในปีนี้อยู่ที่ประมาณเกือบ 4,000 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมาจากผลการดำเนินงานของบริษัทงวดไตรมาส4/49 ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์โดยพบว่ากำไรสุทธิในไตรมาส4/49 สูงกว่ากำไรในไตรมาส1-3 ค่อนข้างมาก ขณะที่การเติบโตของปี 49 จากการประเมินน่าจะอยู่ที่ประมาณ 20-25% จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 15%
|
|
|
|
|