Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน14 กุมภาพันธ์ 2546
ทีเอทุ่ม 500ล.ขยายพีซีที รุกเจรจาทศท.บริการตจว.             
 


   
search resources

เทเลคอมเอเซีย, บมจ.




"ทีเอ" ลงทุนเพิ่มพีซีทีอีก 500 ล้านบาท ใช้อุปกรณ์เครือข่ายจากจีน ย้ำพีซีทีมีจุดแข็งด้านสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงที่สามารถแข่งขันได้ ตั้งเป้ายอดสิ้นปี 7 แสนเครื่อง เตรียมเจรจาทศท.ขอให้บริการภูมิภาค พร้อมบุกตลาดบริการนอนวอยซ์อิงยุทธศาสตร์ Multimedia Access Solution Provider

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานหัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มบริษัท เทเลคอมเอเซียฯหรือทีเอกล่าวว่า พีซีทีหรือโทรศัพท์บ้านยุคใหม่ซึ่งเป็นบริการในกลุ่มทีเอ จะลงทุนเพิ่มอีก 400-500 ล้านบาท เพื่อขยาย เครือข่ายใน 2 ลักษณะคือเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคลุมมากขึ้น เพิ่มความหนาแน่นของช่องสัญญาณในการให้บริการในอาคาร และทำให้การเชื่อมต่อของสัญญาณระหว่างแต่ละสถานีฐานเป็นไป อย่างต่อเนื่องมากขึ้น

"เรามีโอกาสขยายเครือข่ายโดยซื้ออุปกรณ์จากเวนเดอร์จีน ที่ให้บริการอยู่"

เขากล่าวว่าพีซีทียังมีจุดแข็งในการทำตลาด คือความสามารถในการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง ซึ่งปัจจุบันลูกค้าของพีซีทีมีอยู่ประมาณ 6.3-6.4 แสนราย และถ้าในปีนี้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ไม่ได้มีการแข่งขันที่รุนแรงมากนัก พีซีทีก็มีโอกาสทำยอดขายเพิ่มมากขึ้นจนถึงระดับฐานลูกค้า 7 แสนราย

ในขณะเดียวกับที่บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น มีการเปลี่ยนบอร์ดชุดใหม่ พีซีทีก็ยังมีความต้องการที่จะเข้าไปเจรจาเพื่อขอขยายบริการพีซีทีออกไปในส่วนภูมิภาค ซึ่งที่ผ่านมาพีซีทีเคยทำหนังสือไปยังทศท.ครั้งหนึ่ง เพียงแต่ทำในนามบริษัท เอเชีย ไวร์เรส คอมมูนิเคชั่นหรือ AWC ทำให้ทศท. ทำหนังสือตอบกลับมาว่า AWC ไม่ใช่คู่สัญญาโดยตรงกับทศท. หากต้องการให้บริการพีซีทีในภูมิภาค ก็ต้องทำในนามทีเอที่เป็นคู่สัญญากับทศท. ซึ่งการอนุมัติให้บริการในภูมิภาค ก็ไม่จำเป็นต้องรอให้มีคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เนื่องจาก AWC ให้บริการภายใต้สิทธิของทศท.เหมือนการที่ AWC ให้บริการพีซีทีของทีเอกับของทศท.

"ทีเอยังต้องการให้บริการพีซีทีในต่างจังหวัด หากได้เงื่อนไขเดียวกับที่ทีทีแอนด์ที เคยได้จากทศท. เนื่องจากยังมีความต้องการของลูกค้าอยู่" นาย ศุภชัยกล่าวในงานแสดงเทคโนโลยี "TelecomAsia Technology Tomorrow 2003" ของกลุ่มทีเอซึ่งเป็น การแสดงความก้าวหน้าเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมและการสัมมนาทางวิชาการ โดยไฮไลต์ในงานคือการถ่ายทอดสดการบรรยายของ ศาสตราจารย์ฟิลลิป คอทเลอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและการจัดการ จากมหาวิทยาลัย Kellogg School of Management,Northwestern University ประเทศสหรัฐเอมริกาด้วยเทคโนโลยีการส่งภาพและเสียงในระบบ 3 มิติ ในหัวข้อเรื่อง "Revolutionize Marketing Through ICT"

นายศุภชัยกล่าวว่างานแสดงเทคโนโลยีดังกล่าว เป็นการตอกย้ำภาพทิศทางการทำธุรกิจของกลุ่มทีเอที่มุ่งไปสู่การเป็น Multimedia Access Solution Provider โดยมองถึงการให้บริการที่เป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวันในเชิงเพิ่มมูลค่าให้องค์กรและ การใช้งานของผู้บริโภค ผ่านการเชื่อมต่อทั้งมีสายและไร้สายไม่ว่าจะเป็น ADSL หรือบริการโทรศัพท์มือถือของทีเอออเร้นจ์

ปัจจุบันทีเอมีเลขหมายที่ใช้ในกลุ่มลูกค้าธุรกิจประมาณ 28% ของเลขหมายทั้งหมด โดยที่ลูกค้ากลุ่มนี้ทำรายได้ให้มากถึง 50% ซึ่งในอนาคต 3-5 ปีข้างหน้าในกรุงเทพฯมีความเป็นไปได้สูงที่ รายได้ของลูกค้าองค์กรจะเพิ่มมากกว่าครึ่ง แต่ถ้าหากการใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในลักษณะการใช้งานในบ้านหรือโฮมยูสหรือผู้บริโภคเป็นส่วนบุคคลมีการใช้งานมากขึ้นด้วยความเร็วสูงขึ้น พร้อมทั้งมีคอนเทนต์หรือเนื้อหาข้อมูลที่ได้รับความสนใจ ก็อาจกระตุ้นให้สัดส่วนรายได้ระหว่างลูกค้าองค์กรกับลูกค้าบุคคล กลับมาเท่ากันก็เป็นได้

"งานนี้ถือเป็น Educative Event ให้ความรู้ความเข้าใจสินค้าและบริการของกลุ่มทีเอ และแนวโน้มองค์กรธุรกิจในการประยุกต์ใช้ไอซีทีเพื่อการตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้น เป็นบริการที่เพิ่มมากกว่าบริการสื่อสารขั้นพื้นฐาน"

เขากล่าวย้ำว่าตอนนี้ทีเอยังไม่มีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นแต่อย่างใด ส่วนการปรับโครงสร้างการบริหารงานนั้นทำเป็นประจำทุกปี รวมทั้งกำลังดูความเหมาะสมและความพร้อม ของตลาดในการออกหุ้นกู้ ซึ่งรายได้หลักของกลุ่ม ทีเอยังมาจากโทรศัพท์พื้นฐาน ส่วนรายได้จากการสื่อสารข้อมูลและอินเทอร์เน็ต รวมกันประมาณ เกือบ 20% แต่ในอนาคตรายได้ในลักษณะนอนวอยซ์จะเพิ่มมากขึ้น

ส่วนกรณีค่าแอ็คเซ็สชาร์จที่ทีเอออเร้นจ์ต้องจ่ายให้ทศท.เลขหมายละ 200 บาทนั้น เป็นเรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับการคิดค่าเชื่อมโยงโครงข่ายหรือ อินเตอร์คอนเนกชั่นชาร์จ ที่จะต้องมีการจ่าย 2 ขา คือทั้งรับ(ในกรณีที่เข้ามาใช้โครงข่ายทีเอออเร้นจ์) และจ่าย (ในกรณีที่เข้าไปใช้โครงข่ายผู้ให้บริการรายอื่น) ไม่ใช่การจ่ายขาเดียวให้ทศท.เหมือนในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของกรมไปรษณีย์โทรเลข ในฐานะเลขานุการกทช.ใน อนาคต ที่ยังไมได้ข้อสรุป นายศุภชัยกล่าวว่าต้องรอดูการดำเนินการในเรื่องนี้ก่อนซึ่งถือว่ามีความ คืบหน้าด้วยดี แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะฟ้องร้องการสื่อสารแห่งประเทศไทย(กสท.) ที่เพิกเฉยในเรื่องดังกล่าว พร้อมย้ำว่าทิศทางธุรกิจในปีนี้ของ ทีเอออเร้นจ์คือมุ่งในเรื่องคุณภาพของโครงข่าย และคุณภาพในการให้บริการเป็นหลักถึงแม้จะมียอดหนี้สูญประมาณ 10-15% ก็ถือเป็นตัวเลขใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมนี้

ทีเอ ออเร้นจ์ยังอยู่ระหว่างเจรจาขยาย เครือข่ายกับอัลคาเทลมูลค่าประมาณ 160 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยได้รับการสนับสนุนด้านการเงินอย่างเต็มที่จากซัปพลายเออร์ทำให้เครือข่ายของ ทีเอออเร้นจ์ครอบคลุมทั่วประเทศ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us