Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์15 มกราคม 2550
หุ้นร่วงระคายผิว MAI เล็กน้อย 5 ตัวหลักค้ำตลาด UEC TNH BROCK UMS GFM             
 


   
www resources

โฮมเพจ ตลาดหลักทรัพย์ใหม่

   
search resources

ตลาดหลักทรัพย์ใหม่ - MAI
Stock Exchange




หลัง SET ร่วงกันไปชุดใหญ่แต่ MAI กระเทือนไม่ถึง 10% เหตุสภาพคล่องน้อยทำนักลงทุนต่างประเทศเบาบาง แต่เป็นน้องใหม่ไฟแรงอัตราการเติบโตสูง เผย 5 หุ้นบลูชิพมาร์เก็ตแคปเกินพันล้าน มีจ่ายปันผลรวม 470 ล้านบาทจากทั้งหมด 49 บริษัทที่จ่าย1,115 ล้านบาท ไตรมาส 2 เตรียมยืนเรื่องถึง กลต.เพิ่มเติมแจ้งเกิดเอ็ม เอ ไอ แม็ทชิ่ง ฟันด์

เป็นที่รู้กันดีว่าบรรยากาศสภาพการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ขณะนี้ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก โดนพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกอยู่เป็นนิจ ยังไม่ทันจะพ้นยกแรกของสังเวียนปี 2550 ก็ถูกไปแล้ว 2 หมัดล้มคาเวทีต้องให้กรรมการนับ 8 จากมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทและเหตุระเบิด 8 จุดใน กทม. ส่วนอีก 11 ยกที่เหลือจะสภาพเป็นตายร้ายดีอย่างไร...ไม่มีใครกล้าฟันธง ปีนี้ใครจะลงทุนในหุ้นอาจจะต้องทำบุญ สวดมนต์กันถี่หน่อย

แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะถือเป็นข่าวร้าย แต่ก็ใช่ว่าตลาดหุ้นไทยจะย่ำแย่กูไม่กลับไปซะหมด ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ได้รับปัจจัยจากอิทธิพลเดียวกันตั้งแต่วันอังคารทมิฬดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET) ลดไปแล้ว 14-15% ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (MAI) ลดลงเพียงแค่.9-10% ถึงจะเป็นพี่น้องที่มีชะตากรรมร่วมกันแต่เท่าที่สังเกตจากอาการแล้วก็คงต้องบอกว่าสุขภาพของ MAI ก็ไม่ได้บุบสลายไปมากนัก

หลายคนอาจมองว่า MAI เป็นตลาดน้องใหม่ ซึ่งก็คงต้องบอกว่าเป็นน้องใหม่ที่ไฟแรงไม่เบาและดูเหมือนจะฉายแววได้ดีกว่าพี่ใหญ่ด้วยซ้ำไป แม้ตลาดอาจมีสภาพคล่องไม่สูงเท่าSET มีสัดส่วนนักลงทุนต่างประเทที่น้อยมากเพียงแค่ 2% ทำให้บางคนอาจไม่ชอบ แต่ก็เป็นเพราะเหตุเดียวกันนี้เองที่ทำให้ดัชนีตลาด MAI ไม่ซวนเซมากนักในช่วงที่ผ่านมา

ปัจจุบันมีหุ้นที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ MAI จำนวน 42 บริษัทมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(Market Cap)รวมกว่า 2.7หมื่นล้านบาท มีค่าพี/อีเฉลี่ยอยู่ที่ 9.26 เท่า ในจำนวนนี้มีอยู่ 5 บริษัทที่เพิ่งเข้าจดทะเบียนในปีที่ผ่านมาได้แก่ บมจ.ถิรไท(TRT), บมจ.ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม(TIES), บมจ.ยูเนี่ยนปิโตรเคมีคอล(UKEM), บมจ.บ้านร็อคการ์เด้น(BROCK) และ บมจ.อีเทอร์นินี้ แกรนด์ โลจิสติกส์(ETG)

สำหรับบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดเกิน 1 พันล้านบาท มีอยู่ด้วยกัน 5 แห่งคือ บมจ.ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง (UEC), บมจ.โรงพยาบาลไทยนครินทร์ (TNH), บมจ.บ้านร็อคการ์เด้น(BROCK), บมจ.ยูนิค ไม่นิ่ง เซอร์วิสเซส(UMS) และ บมจ.โกลด์ไฟน์ แมนยูเจอเรอส์(GFM) ซึ่งอาจนับเป็นบลูชิพประจำตลาด MAI ก็ว่าได้ โดยหุ้นทั้ง 5 ตัวนี้ถือได้ว่ามีน้ำหนัก 1ใน4ของตลาด รวมทั้งมีเงินปันผลจ่าย470ล้านบาท หรือ 1 ใน 3 จากทั้งตลาดที่จ่ายรวม 1,115 ล้านบาท

อันดับแรก บมจ.ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง (UEC) ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตถังบรรจุปิโตรเคมี มีมูลค่าหลักทรัพย์รวม 1,973 ล้านบาท ผลประกอบการล่าสุดรวมไตรมาส 3 ของปี2549 มีรายได้ 937.55 ล้านบาท กำไร 202.14 ล้านบาท ส่วนแผนในปี 2550 มีการตั้งเป้าอัตราการขยายตัวรายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 20% โดยสัดส่วนรายได้หลักจะมาจากธุรกิจถังความดันและธุรกิจ Pressure Vessel

อันดับรองลงมาคือ บมจ.โรงพยาบาลไทยนครินทร์ (TNH)มีมูลค่าหลักทรัพย์รวม 1,422 ล้านบาท ผลประกอบการล่าสุดรวมไตรมาส 3 ของปี2549 มีรายได้ 727.64 ล้านบาท กำไร 53.74 ล้านบาท ด้านแผนในปี 2550 มีการตั้งเป้าในรอบปี 2550 จะมีอัตราการขยายตัวของรายได้เพิ่มขึ้น 20-25% เนื่องจากมีการเปิดศูนย์เฉพาะทางโรคหัวใจและศูนย์กระดูก ทำให้มีรายได้มากขึ้น รวมถึงมีผู้ป่วยเข้ารับบริการมากขึ้นโดยเฉพาะผู้ป่วยนอกที่เพิ่มขึ้นมาก

อันดับสาม บมจ.บ้านร็อคการ์เด้น(BROCK) ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ มีมูลค่าหลักทรัพย์รวม 1,130 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเพิ่งเข้ามาจดทะเบียนในตลาดเมื่อช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมานี้เอง ส่วนแผนงานในปี 2550 มีโครงการที่จะสร้างบ้านบายพาส 4 และ 5 ที่จังหวัดภูเก็ตมูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 150 ยูนิต และปี 2551 จะเพิ่มโครงการบ้านบายพาส 6 มูลค่าถึง 2 พันล้านบาท

อันดับสี่ บมจ.ยูนิค ไม่นิ่ง เซอร์วิสเซส(UMS) เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจถ่านหินและโรงไฟฟ้า มีมูลค่าหลักทรัพย์รวม 1,106 ล้านบาท ผลประกอบการล่าสุดรวมไตรมาส 3 ของปี2549 มีรายได้ 1,049.26 ล้านบาท กำไร 132.01 ล้านบาท โดยแผนธุรกิจปีนี้ตั้งเป้ารายได้ว่าจะเติบโต 30% เนื่องจากมีอุตสาหกรรมที่ทยอยเปลี่ยนหม้อต้มจากเดิมที่เคยใช้น้ำมันเตามาใช้เชื้อเพลิงถ่านหินมากขึ้นทำให้บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

อันดับห้าคือ บมจ.โกลด์ไฟน์ แมนยูเจอเรอส์(GFM)ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านเครื่องประดับสตรี มีมูลค่าหลักทรัพย์รวม 1,020 ล้านบาท ผลประกอบการล่าสุดรวมไตรมาส 3 ของปี2549 มีรายได้ 890.7 ล้านบาท กำไร 103.46 ล้านบาท โดยแผนธุรกิจปีนี้ตั้งเป้าว่ารายได้จะเติบโตขึ้น 10% จากยอดคำสั่งซื้อและยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ MAI กล่าวว่า การที่ผลประกอบการโดยรวมของตลาด MAI มีการเจริญเติบโตที่สูงกว่า SET นั้น เนื่องจากมีธุรกิจใหม่ๆที่กำลังเติบโตเข้ามาจดทะเบียนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทต่างก็มีความสามารถในการสร้างรายได้ที่สูงขึ้น แม้จะเป็นบริษัทเล็กแต่ก็มีอัตราการเจริญเติบโตที่สูง เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ซึ่งจะตอบโจทย์ที่ว่า "โอกาสโตของธุรกิจที่คิดการใหญ่"

ส่วนความคืบหน้าของการขออนุญาต ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จัดตั้ง บริษัท เอ็ม เอ ไอ แม็ทชิ่ง ฟันด์ จำกัด นั้น ก.ล.ต.มีความเห็นให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ศึกษาและทบทวนข้อมูลในการจัดตั้งเพิ่มเติม ถึงความจำเป็นของการจัดตั้ง ว่าจะมีผลต่ออุตสาหกรรมร่วมลงทุนแค่ไหน เมื่อเทียบกับกองทุนร่วมลงทุนของภาครัฐ

ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ MAI ได้มอบหมายให้สถาบันการศึกษา หรือบุคคลภายนอกที่มีความอิสระ ไปศึกษากลไกของธุรกิจร่วมลงทุน รวมถึงบทบาทและความจำเป็นของตลาดหลักทรัพย์ โดยคาดว่าผลการศึกษาดังกล่าวจะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 1ของปีนี้ และพร้อมที่จะเสนอต่อ ก.ล.ต. ในไตรมาสที่ 2 ต่อไป

สำหรับกองทุนที่จะจัดตั้งขึ้นมีมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 1 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นรูปแบบกองทุนร่วมลงทุน กับพันธมิตร ในสัดส่วนการลงทุน 50% เท่ากัน โดยให้ผู้จัดการกองทุนเป็นผู้บริหาร ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นผู้ถือหุ้นเพียงอย่างเดียว ในสัดส่วน 15% ของแต่ละบริษัทที่เข้าลงทุน โดยเมื่อบริษัทที่อยู่ในกองทุนเอ็ม เอ ไอ แม็ทชิ่ง ฟันด์เหล่านี้มีพร้อมและแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ก็จะถูกผลักดันให้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI ต่อไป   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us