ชายนิด โง้วศิริมณี ประกาศอย่างมั่นใจหลายครั้งว่า จะผลักดันเอาริษัทพร็อพเพอตี้
เพอร์เฟค เข้าไปเป็นบริษัทที่มียอดขายติดอันดับ 1 ใน 5 ของสนามการค้าบ้าน
ในตลาดเมืองไทยให้ได้ พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค เป็นบริษัทที่มีอายุย่างเข้า
9 ปี ในขณะที่ คู่แข่งในยุทธจักรทางด้านเรียลเอสเตท นั้น มีบรรดเสือ สิงห์
กระทิง แรด ที่ก่อขึ้นมาก่อนมากมาย ชายนิด จะฟันฝ่าอุปสรรค และวางยุทธวิธีในการก็าวเดินแซงหน้าบริษัทเหล่านั้นไปได้อย่างไร" ในเร็ว ๆนี้ ผมจะเอาพร็อพเพอร์ตี้ เฟอร์เฟค เข้ามาเป็นเสือตัวที่
5 ในธุรกิจเรียลเอสเตรท ให้ได้"
ชายนิด โง้วศิริมณี กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทพร็ดเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เคยกล่าวไว้
เมื่อสมัยเข้าตลาดหลักทรัพย์ใหม่ ๆ ในปี 2536 ซึ่งในคราวนั้นดูเหมือนจะเป็นคำกล่าวที่ไม่น่าจะเป็นที่สนในนัก
เพราะในขณะที่ในช่วงเวลาดังกล่าว มีบรรดา เสือ สิงห์ กระทิง แรด ในยุทธจักรทางด้านที่อยู่
เรียงหน้าเต็มกระดานตลาดหลักทรัพย์
พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค เริ่มจดทะเบียนบริษัท เมื่อปี 2528 แต่เพียงย่างเข้าปีที่
9 ในสังเวียนการค้าบ้าน บริษัทนี้ก็มีอัตราเติบโตที่น่าสนใจทีเดียว เมื่อตัวเลขตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
รุบุว่า ในงวด 9 เดือน แรกของปี 2536 จากจำนวนบริษัทเรียลเอสเตรทในตลาดทั้งหมด
25 บริษัท สินทรัพย์ของพร็อตเพอร์ตี้ เพอร์เฟค อยู่ในอันดับที่ 11 คือ 4,045
ล้านบาท รายได้รวมอยู่ในอันดับที่ 10 จำนวน 871 ล้านบาท กำไรสุทธิไต่ขึ้นเป็นอันดับที่
7 คือ 178 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิ ต่อหุ้นกระโดดขึ้นเป็นอันดับที่ 5 ในราคา
5.27 บาท
และตัวเลขล่าสุด เมื่อสิ้นปี 2536 สินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 4,921 ล้านบาท
รายได้รวม 1,261 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธ์ เพิ่มขึ้นเป็น 244 ล้านบาท
เฉพาะทางด้านยอดขาย ในสิ้นปี 2537 นี้ ชายนิด มั่นใจว่า พร็อพเพอร์ตี้
เพอร์เฟค สามารถทำยอดขายก้าวกระโดดขึ้นจาก 1,800 ล้านบาท เมื่อปี 2536 เป็น
3,600 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน โดยที่ บริษัทพัฒนาที่ดินที่จะทำยอดขายติดในอันดับ
1-5 นั้น เขาได้คาดหมายว่า คงได้แก่ บริษัทบางกอกแลนด์ ยูนิเวสท์แลนด์ แลนด์แอนเฮ้าส์
กฤษดานคร และพร็อตเพอร์ตี้ เพอร์เฟค
เพื่อให้ก้าวไปสู่อันดับที่วาดหวังไว้ ปีนี้ พร็อตเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำเป็นที่จะต้องเปิดฉากลบทางด้านการขายอย่างหนัก
ในหลาย ๆทำเล และเพื่อเป็นการกระตุ้นการายให้เร็วได้มีการเสนอมีเงื่อนไขใหม่พิเศษให้แก่กลุ่มลูกค้าในอัตราเงินกู้ต่ำสุดเพียง
9 % งานนี้ ปิ่น จักกะพาก แห่งกลุ่มบริษัทเงินทุนและหลักทรัพย์เอกธนกิจ พร้อมสนับสนุนเต็มที่
แต่เขามีจุดประสงค์อย่างไร ในการที่จะกล้าประกาศออกมาอย่างนั้น คงจะต้องย้อนหลังดูเบื้องลึก
และที่มาของกลุ่มกำไรในรายละเอียดว่าท่ามกลางอุปสรคนานาปการในการทำธุรกิจทางด้านที่อยู่อาศัยตั้งแต่ปี
2528 จนกระทั่งปี 2537 ชายนิดมียุทธวิธีนำทีมของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ฝ่าฟันอุปสรรคมาได้อย่างไร
และมีแนวทางเดินหน้าต่อไปอย่างไร
เขาพร้อมแค่ไหน จึงได้กล้าลั่นวาจาเอาไว้อย่างนั้น
ชายนิด คือบัณฑิตคณะนิติศาสตร์และเนติบัณฑิตวัยเพียง 21 ปี จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ที่มีโอกาสได้เข้าร่วมงานกับ สุรินทร์ ตุลย์วัฒนกิจ แห่งสากลเคหะกรุ๊ป บริษัทเงินทุน
เมื่อประมาณปี 2519 ในตำแหน่งที่ปรึกษาทางด้านกฎหมาย ต่อมาเขาได้ร่วมงานกับไพศาล
พืชมงคล แห่งสำนักงานกฎหมายธรรมนิติ โดยดึงสุรินทร์ มาร่วมถือหุ้นกับไพศาลด้วย
คดีแรก ๆ ของการว่าความในช่วงนั้นไม่ใช่เรื่องธุรกิจ แต่ส่วนใหญ่เป็นการช่วยทำคดีเรื่อง
6 ตุลา ให้กลุ่มพรรคพวกเพื่อนฝูงหลายคน
พอปี 2522 สากลเคหะกิจ ก็เข้าไปเทคโอเวอร์บริษัทเงินทุนไฟแนนเชียลทรัสต์
และบริษัทพัฒนาที่ดิน ช.อมรพันธ์ จากไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ เจ้าของสวนสยามโดยมีชายนิด
เป็นมือประสานให้ และตำแหน่งกรรมการผู้จัดการไฟแนนซ์เชียลทรัสต์ และผู้อำนวยการบริษัท
ช.อมรพันธ์ คือสิ่งตอบแทนที่เขาได้รับตอนนั้น ในขณะที่มีอายุประมาณ 28 ปี
นับว่าเป็นช่วงอายุที่มีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น มากมายในชีวิตชายนิด
วิทยายุทธ์ทางด้านการเงินและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถูกสะสมบ่มเป็นอาวุธที่แกร่งกล้าเพื่องัดออกมาใช้ในวันนี้
นับแต่นั้นมา
ช. อมรพันธ์ ในปี 2522 นั้น กล่าวได้ว่า เป็นสำนักตักศิลาทางด้านพัฒนาที่ดิน
เพราะเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในการสร้างที่อยู่อาศัยรุ่นๆ เดียวกับหมูบ้านเสนา
หมู่บ้านเสรี หมู่บ้านเมืองทอง และกลุ่มเปรมฤทัย
หลังจากกลุ่มสากลเคหะต้องประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในช่วงปี 2522-2523
จนธนาคารแห่งประเทศไทยต้องเข้ามาควบคุมดูแลกิจการ ได้ส่งผลกระทบไปยังธุรกิจต่าง
ๆในเครือทั้งหมด รวมทั้ง ช.อมรพันธ์ ซึ่งในช่วงนั้นได้ใช้เงินลงทุนจากบริษัทในเครือทั้งสิ้น
หลังจากนั้นต่อมาอีกประมาณ 5 ปี ชายนิด เริ่มมาจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทใหม่ในปี
2528 โดยใช้ชื่อว่ามณียา พร็อตเพอร์ตี้ ( ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็น " พร็อตเพอร์ตี้
เพอเฟค ") โดยมีกลุ่มทีมงานเพื่อนฝูงเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์จาก
ช. อมรพันธ์ เข้าร่วมงานเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนงานในบริษัทใหม่เช่น
ไวท์ ชัยพยุงพันธ์ สังชัย คุณากรปรมัตถ์ วิชัย สิงห์เดชา วนิดา อัครปรีดี
และวิศรุต ชัยปานี
ไวท์คืออดีตผู้จัดการฝ่ายก่อสร้าง ซึ่งเข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้กับชายนิด
หลังจากลาออกจากบริษัท รัตนะ การเคหะ ในยุคแรก ต่อมาภายหลังได้ลาออกไปรับผิดชอบบริษัทรัตนการเคหะอีกครั้ง
อย่างเต็มตัว หลังสิ้นสุดยุคคุณหญิงพัชรี ว่องไพทูรย์ และขณะนี้ กำลังลุ้นงานขายโปรเจ้คใหญ่
" ประตูน้ำคอมเพล็กซ์" ร่วมกับเจ้าถิ่นประตูน้ำ
ส่วนธงชัย คือหนุ่มวิศวะจากจุฬาลงกรณ์ปัจจุบันอยู่ในตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ
วิชัย รับตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารโครงการ วนิดา เป็นผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและงบประมาณ
วิศรุต เคยรับผิดชอบทางด้านการตลาด ต่อมาภายหลังวิศรุต ได้อออกไปทำโครงการปาร์คคอเวนิว
แต่ทั้งไวท์ วิศรุต และชายนิด นั้นยังเป็นเพื่อนร่วมวงการที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
จะเห็นได้ว่า เมื่อมีการเปิดโครงการใหม่แต่ละคน จะมีการไปแสดงความยินดีซึ่งกัน
และร่วมก๊วนพบปะพูดคุยกันอยู่เสมอ
อาณาจักรใหม่ที่ชายนิดแลทีมงานได้ยึดหัวหาดทำโครงการบ้านจัดสรรในคราวแรก
นั้นคือย่านถนนรามอินทรา ซึ่งเป็นย่านที่เขายอมรับว่า ค่อนข้างมีความชำนาญในการดูที่ดิน
และติดต่อกับบรรดานายหน้าขายที่ดินมานาน ตั้งแต่การทำโครงการกับทางกลุ่ม
ช.อมรพันธ์
" ตอนนั้นที่ดินซึ่งมาเสนอขายหลายแกลง เช่นแปลงที่เป็นเซ็นทรัล รามอินทรา
หรือหมู่บ้านชัยพฤกษ์ ของแลนด์แอน์เฮาส์ แต่ครั้งนั้นเราไม่มีเงินทุนจดทะเบียน
ครั้งแรก เรามีประมาณ 3 แสน บาทเท่านั้น เลยซื้อที่ดินได้ไม่มากนัก"
ชายนิด ได้กล่าว ย้อนความหลัง " ผู้จัดการ" ฟัง
โครงการแรก ที่เริ่มทำกัน ก็คือ มณียา 1 ด้วยทุนเพียง 4.5 ล้านบาท รูปแบบโครงการ
กึ่งบ้านแฝด จำนวนเกือบ 200 หลัง " ช่วงนั้น เป็นเวลาแห่งความเลวร้าย
ที่สุดในการทำธุรกิจบ้านจัดสรร ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซาอย่างหนัก ซึ่งมีผลมาจากมาตรการ
จำกัดสินเชื่อ และลดค่าเงินบาทของรัฐบาล ทีมงานเองก็ต้องทำงานกันอย่างหนักเหมือนกัน"
แต่ชายนิดยังโชคดี ที่ว่าถนนรามอินทรา ซึ่งก่อสร้างเสร็จในปี 2528 เลยเป็นจุดขายที่ดี
โครงการแรกก็เลยประสบความสำเร็จ
ต่อมา ก็ได้รวบรวมสมัครพรรคพวกจากลุ่มที่ทำหนังสือธุรกิจที่ดิน และหนังสือพิมพ์มาตุภูมิ
ซึ่งเคยเป็นของสุรินทร์ ตุลยวัฒนกิจ เช่นกัน มาผนึกกำลังทำโครงการบ้านจัดสรร
ร่วมอีกแรงหนึ่งด้วย
กลุ่มนี้จะมี 3 สาว เป็นหัวเรียวหัวแรง ที่สำคัญ คือ อุไรวรรณ ภัทรกานต์
ผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์ธุรกิจที่ดิน พาณีพรรณ ทิสาพงษ์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์มาตุภูมิและวรินทิพย์
ผลประเสริฐ
ปัจจุบัน อุไรวรรณ ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาขา พาณีพรรณ
คือผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และวรินทิพย์ คือผู้อำนวยการฝ่ายกิจการทั่วไป
พลังของบุคลากร ที่เชี่ยวชาญในสายงานก่อสร้างและความรู้เรื่องที่ดิน ทำให้พร็อพเพอตี้
เพอร์เฟค เหมือนว่าวติดลมบน นี่คือสวาเหตุแห่งความสำเร็จประการแรกของบริษัท
และที่สำคัญทุกคนยังทำงานยึดมั่นอยู่ด้วยกันอย่างเหนียวแน่น จนปัจจุบัน
ผลกำไรของมณียา 1 คือ เม็ดเงินในการหาซื้อที่ดินทำโครงการต่อไป คราวนี้ชายนิด
และทีมงานขยายทำเลการลงทุนไปยังถนนรัตนาธิเบศน์ ซอยท่าอิฐ
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2531 เพื่อนฝูงร่วมวงการต้องยกนิ้วว่าชายนิดใจถึงอย่างมาก
ที่ตัดสินใจยึดย่านนี้เป็นหัวหาดสำคัญ เพราะซอยท่าอิฐ ในช่วงเวลานั้น ยังเป็นชนบทที่ประกอบไปด้วยท้องนา
และดงต้นตาล มีหมู่บ้านจัดสรร ที่เกิดขึ้นบ้างประปราย เช่นหมู่บ้านชลดา บางบัวทอง
ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากถนนรัตนาธิเบศน์ หมู่บ้านรัตนาธิเบศน์ สำหรับถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี
เองในขณะนั้น ยังไม่ได้ขยายเช่นทุกวันนี้ แต่ชายนิดมองกลับมองกลับว่า ทำเลนั้นห่างจากถนนใหญ่เพียง
500 เมตร และยังมีแนวทางด่วนขั้นที่ 2 ที่จะมาลงตรงถนนแจ้งวัฒนะ และงามวงศ์วานอีกด้วย
ช่วงแรก ๆ ชายนิดรวบรวมที่ดิน ได้ในราคาไร่ละ 4-5 แสนบาท ประมาณ 3200 ไร่
และหมู่บ้านมณียา 2 และเพชรดา จึงได้เกิดขึ้น ในระดับราคา 7 แสนบาท ขึ้นไป
ทั้ง 2 โครงการนี้ เกือบ 500 ยูนิต และได้ปิดการขายไปตั้งแต่ปี 2533
จากผลสำเร็จของโครงการนี้ ส่งผลให้นักพัฒนา ที่ดินรายใหญ่ รายเล็ก ยาตราทัพ
เข้าไปพัฒนาที่ดิน บนนถนนรัตนาธิเบศน์ กันคับคั่ง โดยเฉพาะซอยท่าอิฐ นั้นมีโครงการ
บ้านจัดสรร เกิดขึ้นมากว่ากว่า 10 โครงการ กลุ่มชิชาคันทรีคลับ และลิ้มเจริญ
ซึ่งเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างรู้จักกันดีในวงการยังได้ขยายโครงการตามไปทำที่ทำเลเช่นกัน
นับว่าเป็นการมองการณ์ไกลที่แหลมคม และได้ผลเลิศทีเดียว ประจวบเหมาะกับช่องปี
2532 นั้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้ดีดตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โครงการต่าง
ๆ เกิดขึ้นมากมายในขณะเดียวกันกำลัง ซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการหลายโครงการฟันกำไรในช่วงนี้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
" เจ้าของโครงการสามารถทำกำไรในช่วงนั้นได้สูงถึง 40% ในขณะที่ปัจจุบันใครทำได้20%
ก็เจ๋งแล้ว" แหล่งข่าวรายหนึ่งในวงการบ้านจัดสรรเล่าให้ฟัง
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ก็เช่นกัน ได้เก็บเกี่ยวผลกำไรในช่วงนี้ เพื่อเก็บไว้ซื้อแลนด์แบงก์
ในช่วงที่ธุรกิจที่ดินซบเซาอย่างหนัก เมื่อประมาณปี 2534 หลังสงครามอ่าวเปอร์เซีย
ในช่วงปี2534-2535 นั้น ราคาที่ดินซึ่งเคยโตแบบก้าวกระโดดได้หยุดลงกับที่
บางแปลงยอมเสนอขายในราคาลดต่ำลง ชายนิดฉวยโอกาสทองนี้สะสมแลนด์แบงก์อย่างต่อเนื่องทันที
ซึ่งส่วนใหญ่ยังเน้นอยู่ที่ทำเลเดิม ที่ตนถนัดมากที่สุด ปัจจุบันพร็อตเพอร์ตี้
เพอร์เฟค เป็นเจ้าขอบที่ดิน ในซอยท่าอิฐประมาณ 1,100 ไร่ พัฒนาไปแล้ว ประมาณ
400 ไร่ และยังคงเหลืออีก 700 ไร่
" ห่างจากถนนใหญ่เข้าไปประมาณ 2 กม. ที่ดินจะเป็นหมู่บ้านมณียาเสียส่วนใหญ่
" นายหน้าค้าที่ดิน รายหนึ่งกล่าวกับผู้จัดการ เมื่อคราวไปสำรวจ ที่เกิดขึ้นบนนถนนรัตรธิเบศน์
ในปี 2535 ทางบริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียน เป็น 240 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจของบริษัท
โดยนำไปซื้อที่ดินเพิ่มเติม รวมทั้งเตรียมทำโครงการอื่นต่อไป
ช่วงเวลานั้น ในขณะที่ยักษ์ใหญ่แห่งบางกอกแลนด์ สร้างโครงการที่อยู่อาศัยระดับกลางระดับล่าวงอย่างเมามัน
ส่วนกลุ่มพัฒนาที่ดินอื่น ๆ ค่อย ๆ ชลอตัวลงมา เมื่อลูกค้าเริ่มใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง
ในขณะเดียวกัน ยังมีโครงการที่เกิดขึ้นมาล้นตลาดจากสาเหตุว่า ได้มีการก่อสร้างมากเกินจริงในปี
2532-2533
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ก็ได้ระวังตัวมากขึ้น เช่นกัน กลยุทธ์ทางด้านการตลาด
ทุกวิธีการได้ถูกนำมาใช้ รวมทั้งได้พยายามหารูปแบบของสินค้าที่จะกระตุ้นลูกค้า
แล้วในที่สุด ก็มองเห็นว่า ตลาดทาวน์เฮาส์ราคาปานกลาง จะเป็นตัวที่นาจะขายได้ดีที่สุด
และแน่นอนว่าจะต้องเป็นทาวเฮาส์ ที่มีรูปแบบที่สวยงามโครงการ " นันทนา"
ในระดับ 8 แสนบาทถึงล้านต้น ๆ จำนวน 400 ยูนิต จึงได้เกิดขึ้น
" ไม่น่าเชื่อว่า โครงการนี้ลูกค้าสถึงกับเข้าคิวซื้อจุดเด่นที่ลูกค้าพอใจมากที่สุดก็คือ
การตกแต่งภายใน" พาณีพรรณ ทีสาพงส์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดเบื้องหลังควาสำมเร็จที่สำคัญคนหนึ่งของโครงการนี้เล่าให้ผู้จดัการฟัง
นับเป็นการพลิกเกมการตลาดที่รวดเร็วและได้ผล หลังจากนั้นบริษัทพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่ซึ่งเคยทำแต่โครงการบ้านจัดสรรเช่น
แลนด์แอนด์เฮาส์ และสมประสงค์ ก็ได้กระโดดลงมาจับตลาดทาวน์เฮาส์ ในปี 2535
อย่างจริงจังเช่นกัน
หลังจากนั้น โครงการ " นันทนาการ์เด้นท์" และ " มณียา 4"
ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โครงการบ้านจัดสรร ของพร็อตเพอร์ตี้ เฟอร์เฟค ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในระยะแรก
ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์อย่า งรวดเร็วในระยะแรก ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ก็คือทีมงานที่มีประสบการณ์ในสายงานทางธุรกิจบ้านจัดสรร
และที่สำคัญ ตัวสินค้าคือรูปแบบบ้านทางบริษัทได้ให้ความสำคัญในจุดนี้อย่างมากเช่นเยวกับค่ายแลนด์แอนด์เฮาส์
เรียกว่าเดินตามหลังกันเลยทีเดียว เพราะบางแบบที่คล้ายคลึงกันประกอบกับระดับราคาที่ตรงกับความต้องการของตลาด
ส่งผลให้ชื่อเสียงในอาณาจักรการค้าบ้านของพร็อตเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ได้รับการยอมรับ
ในขณะที่ กลุ่มลูกค้าที่ทางบริษัทจับไว้เป็นกลุ่มเป้าหมาย คือผู้มีรายได้
ปานกลาง ถึงกลุ่มผู้มีรายได้สูง
ในช่วงปี 2534-2535 นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของพร็อพเพอร์ตี้
เพอร์เฟค ในหลาย ๆ เรื่อง เป็นการเติบโตครั้งใหญ่ ในขณะที่ หลายบริษัทนิ่งหยุดกับที่
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการซื้อที่ดิน การพัฒนาโครงการใหม่ และที่สำคัญได้มีการขยายฐานผู้ถือหุ้นใหม่เมื่อประมาณเดือนเมษายน
2535 คือกลุ่มเอกธนกิจ ของ ปิ่น จักกะพาก และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ นวธนกิจ
ที่มีธนดี โภณศิริ เป็นกรรมการผู้จดัการในจำนวน 10%
" ผมเป็นลูกค้า ของคุณปิ่น จักกะพาก มาตั้งแต่ทำโครงการ มณียา 2 มีการพูดคุยกันมีการพูดคุยกันมาตลอด
ในที่สุดก็มีการชวนเข้ามาถือหุ้นด้วย เพราะโดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่า คุณปิ่นมีสายตาที่ยาวไกลทางด้านการเงิน
เราพึ่งเขาได้แน่นอน " ชายนิด อธิบายถึงสายสัมพันธ์ ที่เกิดขึ้นระหว่างตนกับปิ่น
จักกะพาก
เอกธนกิจ เป็นกลุ่มบริษัทเงินทุนทีมีอนาคต น่าจับตามองที่สุดในวันนี้ บริษัทในกลุ่มยังประกอบไปด้วยบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์
เจเอฟ ธนาคม บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เอกธนา บริษัท เอกโอลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัท
ที่มีลงทุนอยู่ในหลาย ๆ ธุรกิจ รวมทั้งการเข้าไปเป็นผู้ถ้อหุ้นใหญ่ ๆ เป็นอันดับ
3 ในธนาคารเอเชีย อีกด้วย
ส่วนบริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ นวธนกิจ คือบริษัท เงินทุนที่มีธนาคารทหารไทย
และธนาคารอินโดสุเอช เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
พร็อตเพอร์ตี้ เพอร์เฟค กำลังได้รับแรงสนับสนุนจากบริษัทเงินทุนขนาดใหญ่
สายใยธุรกิจที่จะเกี่ยวโยง
กันต่อไปกำลังเริ่มต้นการถักทอ ถึงวันนี้ เม็ดเงินกว่า 2,000 ล้านบาท ในการพัฒนาโครงการมาจากบริษัทเงินทุนทั้ง
2 นี้
หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น ชายนิด ก็เสริมศักยภาพของทีมงานเพิ่มขึ้นด้วยการดึงศุภชัย
พานิชัดิ์ มาเป็นประธานบริษัท ซึ่งขณะนั้น ศุภชัย พานิชศักดิ์ มาเป็นประธานบริษัท
ซึ่งขณะนั้นศุภชัย นั่งเป็นประธานบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจอยู่ด้วย
และดึงเอา เติมชัย ภิญญาวัฒน์ จากเอกธนกิจ เข้ามาเป็นกรรมการ รวมทั้งธวัชชัย
นาคาตะ วิศกร ผู้ที่มีชื่อเสียงเข้ามาเสริมงานให้แข็งแกร่งขึ้นอีกคน
ปัจจุบันศุภชัย ได้ลาออกไปแล้วเพื่อรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ธวัชชัย
ได้ขึ้นมาเป็นประธาน บริษัทแทน ชายนิด ยังได้น้องชายแท้ ๆ ซึ่งใช้นามสกุล
พงศ์มฆพัฒน์ คือก็อง มาช่วยเสริมทีมงานอีกคน ก็อง จบการศึกษาคณะพาณิชยศาสตร์
และการบัญชี จากธรรมศาสตร์ และเข้าไปฝึกปรือวิทยายุทธ์ กับอนันต์ กาญจนพาสน์
มาพักใหญ่ ก่อนที่จะเข้ามารับตำแหน่งในพร็อตเพอร์ตี้เพอเฟค เป็นผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและการลงทุน
พร้อม ๆ กันนั้น พร็อตเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ก็เตรียมตัวก็าวมั่นต่อไปในการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์
เมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานในปี 2535 พร็อตเพอร์ตี้ เพอร์เฟค มีอัตราการขยายตัวของสินทรัพย์เพิ่มขึ้นถึง
135.24% มีการขยายของรายได้ 372.65 และมีการขยายตัวของกำไรสุทธิถึง 598.75%
โดยมีอัตราการกำไรสุทธิถึง 20.11% มีอัตราตอบแทนต่อทรัพย์สินและผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น
เพิ่มขึ้นจาก 2.47% และ 7.35 ในปี 2534 เป็น 7.35 และ 22.92 ตามลำดับ ในปี
2535
แหล่งข่าวจากบริษัทตรวจสอบบัญชีรายหนึ่ง เล่าให้ " ผู้จัดการ"
ฟังว่าครั้งแรก เมื่อเข้าไปดูทรัพย์สินของพร็อตเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ก็ถึงกับตกใจ
เพราะตอนนั้น สำนักงานขายใหญ่ที่สุด ของบริษัท คือบ้านตัวอย่างหลังหนึ่งในหมู่บ้านมณียา
2 บนถนน รัตนาธิเบศร์ ในเนื้อที่เพียง 200 ตารางวา เท่านั้น ในขณะที่สำนักงานใหญ่จริง
ๆ อยู่ในระหว่างช่วงตกแต่ง เขาไม่มั่นใจเลยว่า บริษัทนี้จะผ่านการพิจารณาของตลาดหลักทรัพย์
เป็นพิเศา หลายบริษัท ที่ไม่ผ่านการพิจารณา ต้องกลับมาทำรายละเอียดเสนอเข้าใหม่
แต่ในที่สุด ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2535 พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ก็ได้รับอนุมัติจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ให้กระจายหุ้นเพิ่มทุนจากประชาชน และเริ่มทำการซื้อขายเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน
2536
ในขณะที่พร็อตเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ลอยลำเข้าตลาดไปนั้น ยังมีบริษัทอื่น ๆ
ที่ยื่นขอพิจารณาพร้อม ๆ กันแต่ไม่ผ่าน
พร็อตเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เริ่มจุดประกาย ให้ความสนใจกับประชาชนในวงการที่อยู่อาศัย
อีกครั้ง หลังจาก ได้ยินชื่อเสียงมาเพียงว่าเป็นเจ้าของโครงการ บ้านสวยรายใหญ่รายหนึ่ง
บนถนนรัตนาธิเบศร์
หลังจากเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ในปีแรก การเติบโตของกลุ่มนี้ ก็ยังไม่แสดงให้เห็นเด่ชัดนัก
บริษัทเพียงแต่เปิดโครงการต่อเนื่องในทำเลเก่า ๆ บนถนนรัตนาธิเบศร์เป็นส่วนใหญ่
นอกจากโครงการนันทนาการ์เด้น แล้วก็ยังมีโครงการมณียา 5 และเปิดโครงการใหม่
คือ มณีรินทร์ รัตนาธิเบศร์ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ได้เริ่มการมองที่ดินในทำเลอื่น
ๆ นอกเหนือจากถนนรัตนาธิเบศร์
" ทุกวันนี้ เรามีที่ดินกว่า 2, 000 ไร่ ที่กำลังทำการ่อสร้าง และเก็บไว้ดำเนินการในอนาคต
และขณะที่ทำโครงการใหม่ที่ดินเก่าเราก็ซื้อเก็บไว้เรื่อย ๆ ในสัดส่วนนี้
" ชายนิด กล่าว
และในช่วงปลายนี้ ก็ได้ไปเปิดตลาดโครงการ ใหม่ที่ถนน รังสิต-บางพูน ภายใต้ชื่อโครงการ
" มณีรินทร์ " ในเนื้อที่ประมาณ 126 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 1,300
ล้านบาท โครงการนี้จะจับกลุ่มลูกค้าผู้มีรายได้สูงเป็นหลัก ในลักษณะของบ้านเดี่ยวที่มีราคาขายประมาณ
2 ล้านบาทถึง 4 ล้านบาท
ส่วนปีนี้ซึ่งจะเป็นปีที่ชายนิดได้ตั้งความหวัง ไว้สูงนั้น ได้วางแผนงานไว้ว่า
ในการจะเปิดโครงการใหม่ พร้อมๆ กันถึง 3 ทำเลคือ บนนถนนย่านรมคำแหง ในเนื้อที่ประมาณ
366 ไร่ ซึ่งจะเป็นบ้านเดี่ยว และทาวเฮ้าส์ในเนื้อที่ประมาณ 400 ไร่ จำนวนกว่า
1,000 ยูนิต
โครงการพัฒนาที่ดิน บนถนนแจ้งวัฒนะเป็นทาวเฮาส์ระดับราคา 2 ล้านกว่าบาทขึ้นไป
บนเนื้อที่ที่ 20 ไร่ สำหรับโครงการนี้เดิมวางแผนไว้ว่า จะเป็นคอนโดมีเนียม
แต่หลังจากมีการสำรวจตลาดแล้ว คาดว่าความต้องการของลูกค้าในย่านนี้นิยมทาวเฮ้าส์มากว่า
จึงได้มีการปรับแผนใหม่
และโครงการที่ 3 คือ โครงการบ้านเดี่ยว ในราคา 2-4 ล้านบาท ย่านรังสิตในเนื้อที่
300 ไร่
และยังมีโครงการมณีรินทร์ ที่รัตนาธิเบศร์ และรังสิต ที่อยู่ในระหว่างการขาย
กลยุทธ์ การกระจายทำเลที่ตังของโครงการ เป็นยุทธวิธีของค่ายนี้ที่คาดว่าจะสามารถทำเป้าที่วางให้เป็นจริงได้
เพราะแนวทางของบริษัทพัฒนาที่ดินรายใหญ่ ที่กำลังประสบความสำเร็จทุกบริษัทล้วนแต่มีการกระจายโครงการให้มากขึ้นเท่านั้น
เช่นกลุ่มบางกอกแลนด์ แลนด์แอนส์เฮ้าส์ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค กำลังเลียนแบบตามในเรื่องนี้อย่างเหนียวแน่น
นอกจากนั้น คณะกรรมการของบริษัทยังมีมติจะออกหุ้นกู้แปลงสภาพมุลค่า 100
ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,500 ล้านบาท เพื่อขายให้แก่นักลงทุนต่างประเทศ
และนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นลอนดอน ซึ่งขณะนี้ได้เมอบหมายให้บริษัท C.S
First Boston เป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงิน ในการนำหุ้นกู้แปลงสภาพไปขายที่ฮ่องกง
อังกฤษ และสวิตเซอร์แลนด์ ประมาณเดือน มีนาคม 2537 อัตราดอกเบี้ย ประมาณ
2%
จุดประสงค์ของการออกหุ้นกู้แปลงสภาพครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินประมาณ 1,500
ล้านบาท ไปซื้อที่ดิน ส่วนที่เหลือจะนำเงินไปชำระหนี้คืนเงินกู้
วันนี้ทุกอย่างกำลังจะเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้คำประกาศ
ของชายนิด โง้วศิริมณี เป็นจริงอย่างเร็วที่สุด แต่จะพลิกเกมรุก เกมรับกันอย่างไร
คงเป็นเรื่องที่ทีมงานต้องร่วมกันผ่าฟัน