|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
โบรกเกอร์แนะซื้อหุ้น "บ้านปู" หลังบริษัทมีแผนนำบริษัทย่อยในอินโดนีเซียเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นจาร์กตาร์ โดยให้ราคาเหมาะสมที่หุ้นละ 182-190 บาท พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้สูงกว่า 5.5 พันล้านบาท และกำไรสุทธิต่อหุ้น 20.26 บาท ขณะที่ราคาหุ้นบนกระดานร่วง 3 บาท ท่ามกลางวอลุ่มคึกคักกว่า 400 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต จำกัด วิเคราะห์ผลการดำเนินงานของบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ว่า ขณะนี้บ้านปูกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อเตรียมนำ บริษัท PT. INDO TAMBANGRAYA MEGAH ที่ดำเนินธุรกิจเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นจาร์กตาร์ (BANPU ถือหุ้นรวม 95%) โดยบ้านปูจะยังคงสัดส่วนการถือหุ้นไว้ 80% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วทั้งหมด ส่วนหุ้น 20% ที่จะเสนอขายนั้นจะเป็นของบ้านปู 15% และพันธมิตรอีก 5% ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนได้ภายในปีนี้
ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการจดทะเบียนครั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเป็นบริษัทต่างด้าว และขยายธุรกิจในอินโดนีเซีย หากบริษัทดังกล่าวกลายเป็นบริษัทจดทะเบียนในอินโดนีเซีย จะได้รับสิทธิเท่าเทียมกับบริษัทท้องถิ่น และสามารถขอใบอนุญาตดำเนินธุรกิจที่จำกัดไม่ให้ต่างชาติเข้าดำเนินการได้ รวมทั้งยังสามารถระดมทุนเพื่อใช้ในการซื้อเหมืองถ่านหินใหม่ๆ ได้
ส่วนการประมูล IPP รอบ 2 นั้น บ้านปูอาจไม่เข้าร่วมการประมูล เพราะจะหันไปเน้นโครงการของ Hongsa Lignite ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังถ่านหิน ขนาด 1,500MW ที่จังหวัด Hongsa ในลาว ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทย-ลาว ที่ไทยจะซื้อไฟฟ้า 5,000MW จากลาว
"แม้ว่าบ้านปูจะไม่เข้าร่วมในการประมูล IPP รอบนี้ แต่คาดว่าโครงการ Hongsa น่าจะเป็นโครงการที่จะเกิดขึ้นค่อนข้างแน่นอน ทั้งนี้ Hongsa จะเริ่มผลิตไฟฟ้าให้ไทยราวปลายปี 2012 (พ.ศ. 2555) ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้เคียง กับโครงการ IPP"
จากปัจจัยดังกล่าว บล.ธนชาต แนะนำ "ซื้อ" BANPU โดยมีราคาเป้าหมายที่ 190 บาท และเชื่อว่าบ้านปู BANPU จะเป็นตัวเลือกที่ defensive ในยามที่การลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยงจากปัจจัยไม่แน่นอนรอบด้าน ขณะที่ด้านเทคนิค BANPU มีโอกาสดีดกลับได้ในระยะสั้น แต่การดีดกลับจะชะลอตัวตามแนวต้าน ซื้อเก็งกำไรในช่วงสั้นรอขายตามแนวต้าน แนวรับ 168+/-1 แนวต้าน 174, 175-176
บล.ฟิลลิป ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า แนะนำซื้อ BANPU ราคาพื้นฐานเท่ากับ 182 บาท P/E Ratio ที่ระดับ 9 เท่า จากปี 2550 บ้านปูจะมียอดจำหน่ายถ่านหินใกล้เคียงกับปี 2549 ที่ 21.5 ล้านตัน ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เป็น 36 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัว แต่บริษัทจะมียอดขายในรูปของเงินบาทลดลงจากการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 36.75% ในปีก่อนเป็น 37.43% ในปี 2550 เพราะราคาขายที่เพิ่มขึ้นทำให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เพราะไม่มีภาษีส่งออกเช่นในปีก่อน และคาดว่าบ้านปูจะมีกำไรสุทธิ 5,505.25 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 20.26 บาท เงินปันผลหุ้นละ 11.14 บาท จากปัจจุบันนโยบายการจ่ายปันผลอยู่ที่ 60% ของกำไรสุทธิ แต่อาจมีการปรับลดลงหากบริษัทต้องมีการลงทุนเพิ่มในโครงการใหญ่ๆ ทั้งในส่วนถ่านหินและโรงไฟฟ้า
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้น BANPU ล่าสุด วานนี้ (10 ม.ค.) ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นลงอยู่ในกรอบแคบๆ ตั้งแต่เปิดการซื้อขายในช่วงเช้า ก่อนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 169 บาท และต่ำสุดที่ 166 บาท ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 167 บาท ลดลงจากวันก่อน 3 บาท คิดเป็น 1.76% มูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 405.67 ล้านบาท
|
|
|
|
|