|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ หวั่นนโยบายภาครัฐคลุมเครือทำเศรษฐกิจพัง วอนรัฐบาลหันหน้าชวนภาคเอกชนร่วมแก้ปัญหา เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป ล่าสุดวางนโยบายรักษาความปลอดภัยในโรงหนังมากขึ้น พร้อมหว่านเม็ดเงินอีก 1,500 ล้านบาท ผุดไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ คาดไตรมาสสุดท้ายของปี 50 เปิดให้บริการได้ ส่วนโรงภาพยนตร์ปีนี้สยายปีกเพิ่มอีก 40 โรง แมคโดนัลด์ผุดอีก 7 สาขา มั่นใจสิ้นปีมีรายได้เติบโตเป็นไปตามเป้าเดิมที่วางไว้กว่า 30 %
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลชุดนี้ได้เข้ามาทำหน้าที่มาได้ระยะหนึ่งนั้น มองว่านโยบายในการบริหารประเทศยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งอาจจะทำให้นักธุรกิจและผู้ลงทุน จะชะลอการลงทุน และอาจส่งปัญหาต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศต้องหยุดชะงักลง ดังนั้นตนจึงอยากให้ทางภาครัฐได้มีการร่วมมือกับทางภาคเอกชน ในการร่วมกันปรึกษาหารือวางนโยบายและทิศทางเศรษฐกิจของประเทศให้ชัดเจน เพราะการที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ มิได้ขึ้นอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ต้องมาจากหลายๆฝ่าย
อย่างเช่น เรื่องการลอบวางระเบิดที่เกิดขึ้นนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่าหลายๆธุรกิจต่างได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน และทางรัฐบาลเองยังไม่สามารถจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เพื่อให้ประชาชนสบายใจ และในฐานะที่บริษัทฯดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโรงภาพยนตร์ จึงได้มีการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยแก่ผู้เข้ามาใช้บริการ ให้เกิดความมั่นใจขึ้น ตลอด 24 ชม. เริ่มตั้งแต่ในวันที่ 2 มกราคมเป็นต้นมา อาทิ โรงภาพยนตร์ สาขารัชโยธิน มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด 70 จุด หรือที่เอสพละนาด มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด 90 จุด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมระวังความปลอดภัย และมีการตรวจรถเข้าออกตลอดเวลา
“ผลกระทบที่เกิดจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดครั้งนี้ ส่งผลให้ยอดรายได้จากตั๋วหนังในช่วงอาทิตย์แรก ตามโรงภาพยนตร์ในเขตตัวเมืองชั้นใน อาทิ เซ็นทรัลเวิลด์ สยามพารากอน และเอกมัย ลดลงกว่า 10-15 % แต่สำหรับหัวเมืองชั้นนอก ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างไร”
นายวิชา กล่าวอีกว่า รายได้ในเดือนมกราคมนี้ ค่อนข้างน้อย เพราะนอกจากได้รับผลกระทบจากการลอบวางระเบิดแล้ว ยังไม่ค่อยมีภาพยนตร์ใหม่เข้าโรงอีกด้วย เนื่องจากส่วนใหญ่จะหลบให้กับ ภาพยนตร์เรื่อง พระนเรศวร แต่ถ้าหากมองเป็นไตรมาสแรกแล้ว คาดว่าจะมีรายได้เป็นที่น่าพอใจ
โดยนอกจากจะมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เตรียมเข้าฉายอีกหลายเรื่องแล้ว ทางบริษัทฯยังได้มีการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆอีกด้วย อาทิ เช่น กิจกรรมต้อนรับวันเด็ก ที่จะมาถึงนี้ จะมีการจัดแคมเปญและโปรโมชั่นต่างๆมากมาย
นอกจากนี้ บริษัทฯยังคงเดินหน้าลงทุนธุรกิจตามแผนเดิมที่วางไว้ คือ ในปีนี้จะการลงทุนเปิดตัว ไลฟส์ไตล์เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นศูนย์การค้ารูปแบบที่ทันสมัย ที่เดียวกับโรงภาพยนตร์ สาขารัชโยธิน บนพื้นที่กว่า 12 ไร่ คาดว่าจะใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท แบ่งเป็น ราคาที่ดิน 900 ล้านบาท และการก่อสร้างรวมตกแต่งอีก 600 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
สำหรับการขยายสาขาโรงภาพยนตร์นั้น จะมีเพิ่มขึ้นอีก 40 โรง ทั้งในรูปแบบสาขาเดิม ที่มีการขยายโรงเพิ่ม เช่น สำโรง และพัทยา ส่วนธุรกิจร้านอาหาร แมคโดนัลด์ นั้น ปีนี้จะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 7 สาขา ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด โดยแต่ละสาขาคาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 20-30 ล้านบาท
“จากแผนการลงทุนดังกล่าว ทางบริษัทฯมั่นใจจะมีรายได้เติบโตขึ้นอีก 30 %เป็นไปตามเดิมที่วางไว้อย่างแน่นอน หากไม่มีผลกระทบต่างๆเข้ามาอีก” นายวิชา กล่าวในที่สุด
|
|
|
|
|