ไอเอฟพีไอ หรือในชื่อภาษาไทยว่า สมาพันธ์ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงระหว่างประเทศนี้
เป็นองค์กรระดับโล2480 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยจดทะเบียนเริ่มแรกที่เมืองซูริค
สวิตเซอร์แลนด์
ความมุ่งหมายแรกขององค์กรนี้ก็เพื่อจะกวาดล้างการปลอมแปลง และลอกเลียนแบบสิ่งบันทึกเสียงในรูปแบบต่าง
ๆ นับแต่แผ่นเสียง และเทปเพลง ซึ่งเป็นส่งที่น่าสังเกตว่า ปัญหานี้มีมานานแล้วและนับวันก็ยิ่งทวีความรุนแรงเช่นเดียวกับเจตนาขององค์กรนี้ก็ยั่งมั่นคงมากขึ้น
ในขณะที่ปฏิบัติการก็ขยายขอบเขตออกไปอย่างกว้างขวาง
จนถึงปัจจุบัน ไอเอฟพี ไอ มียอดสมาชิก ซึ่งเป็นเครือข่ายของบริษัทเทปเพลงที่มีชื่อย่าง
เช่น อีเอ็มไอ ซีบีเอส โซนี่มิวสิค ฯ อยู่ทั่วโลกกว่า 1,000 บริษัทใน 80
ประเทศ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งได้เริ่มเข้ามาก่อตั้งพอสมควร แล้วนับตั้งแต่ปี
2515 ในยุคที่ยังไม่มีพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์เกิดขึ้น และเป็นยุคที่ไม่มีใครรู้จัก
และไม่อยากใส่ใจว่า " ทรัพย์สินทางปัญญา" คืออะไร
เทียนชัย ปิ่นวิเศษ ผู้อำนวยการสมาพันธ์ไอเอฟพีไอ คนปัจจุบัน ได้สะท้อนบทบาทองค์กรนี้ให้ฟังว่า
ต้องฝ่าขวากหนามต่าง ๆ มาอย่างมากมาย ทั้งการกระตุ้นในคนทั่วไปตื่นตัวเกี่ยวกับการปกป้องทรัพย์สินทางปัญยา
โดยเฉพาะองค์กรภาครัฐบาลที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่นกระทรวงพาณิชย์ ที่จะควบคุมทางด้านกฏหมาย
หรือกรมตำรวจที่จะควบคุมด้านการปราบปราม
และเมื่อการละเมิดลิขสิทธิ์เทปในไทยได้รุนแรงอย่างสูงสุดในปี 2532-33 จนทำให้เทปเพลงลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมายจำหน่ายได้เพียง
2-3% เท่านั้น บริษัทแม่ผู้ผลิตเทปเพลงได้รวมตัวบีบบังคับให้ไอเอฟพีไอ รีบหาหนทางปฏิบัติการให้เฉียบขาดมากยิ่งขึ้น
เทียนชัย จึงจำเป็นต้องเร่งระดมให้มีการตั้งสายข่าว ที่จะคอยรายงานแหล่งปลอมแปลงเทปให้มากยิ่งขึ้น
จากที่เคยมีพนักงานเพียง 2-3 คน ก็ต้องตั้งเพิ่มเป็น 3-4 ทีม ประกอบด้วยคนทั้งหมดไม่น้อยกว่า
10 คน รวมถึงเปิดรับฟังข่าวจากแหล่งข่าวชาวบ้านที่จะคอยชี้ถีงแหล่งกบดานของโรงงานเทปผีด้วย
ผลจากการตั้งทีมออกสืบข่าวมากขึ้นนี้เอง นอกจากจะกระทบต่อผลประโยชน์ของผู้ละเมิดแล้ว
ยังส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิตของสายสืบและตัวเทียนชัยเองด้วย ซึ่งในช่วงนั้นถือได้ว่า
เป็นช่วงที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตการเป็นผู้อำนวยการไอเอฟพีไอ นี้
" ช่วงนั้น ผมต้องคอยหลบๆ ซ่อน ๆ ไม่สามารถทำตัวให้อยู่เป็นหลักแหล่งได้เพราะ
มีข่าวว่าจะมีคนลอบเก็บผม เช่นเดียวกับแหล่งข่าวที่ผมจะต้องนัดแนะออกไปพบข้างนอกไม่ใช่มาที่ออฟฟิค
เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่มีคนจากโรงงานเทปผีจะมาปิดล้อมออฟฟิคผม และสังเกตได้ว่าตั้งแต่ผมเข้ามาอยู่ในตำแหน่งนี้
จนถึงช่วงวิกฤตนั้น ผมไม่เคนอนุญาติให้ถ่ายรูปผมเลย เพราะผมไม่อยากให้ใครรู้จัก
และจากความวิกฤตอันนี้เอง ทำให้ผมต้องระเห็จออกไปอยุ่ต่างประเทศ นานถึง 1
ปี "
หลังจากนั้นเมื่อความตื่นตัวทรัพย์สินทางปัญญา เริ่มแพร่กระจายออกไปผนวกกับแรงบีบทั้งทางตรงและทางออ้อมของรนัฐบาลสหรัฐอเมริกา
ทำให้ไอเอฟพีไอ ได้รับความร่วมมือในการกวาดล้างเทปผีจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น
ศาล หรืออัยการ ตำรวจ ที่มีความเข้าใจถ่องแท้เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์เทปอย่างเป็นกิจจะลักษณะยิ่งขึ้น
ส่งผลให้ยอดจำหน่ายเทปเพลงลิขสิทธิ์ได้เพิ่มขึ้นมาราว 70-80% ในช่วงปี /2534
จนถึงกลางปี 2536 ที่ผ่านมา
แต่ความตื่นตัวดังกล่าว ก็มีผลไม่ยืนยาวออกไปเพราะโทษที่กำหนดขึ้นมาเพื่อเล่นงานผู้ละเมิดลิขสิทธิเท่านั้น
กลับบางเบาเสียจนไม่ระคายเคืองต่อความกระหายที่ผุ้ละเมิดเหล่านั้นจะยังคงปลอมแปลงต่อไป
ดังนั้น จึงมีผลทำให้ยอดจำหน่ายเทปผีจึงมาเท่าเทียมกับเพลงลิขสิทธิ์อยู่ในขณะนี้
ในอัตรา 50:50 และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นต่อไป หากยังไม่มีมาตรการที่รุนแรงกว่านี้ออกมาหยุดยั้งความกระหายของเหล่าผู้ปลอมแปลง
สิ่งที่สามารถกำหราบความหิวกระหายของผู้ปลอมแปลงนี้ ก็หนีไม่พ้นพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ที่กำลังจะผ่านความเห็นชอบของสสภาผู้แทนราษฎรในสมัยต่อไป
ที่จะมีบทลงโทษอย่างสูงตั้งแต่จำคุก 3 เดือน- 4 ปี บวกกับค่าปรับที่ได้ยกระดับขึ้นมาเป็น
800,000 บาท
แต่ระหว่างที่รอพระราชบัญญัติฉบับนี้คลอดออกมานั้น เทียนชัย ได้เปิดเผยถึงไม้เด็ดที่จะเอาไว้เตรียมเล่นงานบรรดาโรงงานเทปผี
นั่นก็คือความผิดที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายฉลากและการบรรจุผลิตภัณฑ์ รวมถึงความผิดต่อระราชบัญญัติภาษีอากร
ที่เกี่ยวกับภาษีรายได้ ซึ่งหากรมสรรพากรให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่แล้ว
ก็อาจจะเล่นงานภาษีย้อนหลังต่อโรงงานปลอมแปลงเหล่านี้ได้อีก 1 กระทงด้วย
อย่างไรก็ตาม การจับได้ไล่ทันที่จะนำโรงงานเหล่านี้มาลงโทษได้นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
เพราะพัฒนาการของโรงงานเหล่านี้ก็ได้ก้าวล้ำออกไปอีกขั้นหนึ่ง คือนอกจากจะจ้างให้โรงงานอื่นผลิต
ในแง่ของผู้ผลิตรายเล็ก หรือการผลิตเองในแง่ของผู้ผลิตรายใหญ่ แล้ว การตั้งโรงงานแบบเคลื่อนที่ไปตามจุดต่าง
ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้เครื่องอัดแบบไฮ-สปีด ขนาดเล็ก หลาย ๆ เครื่อง
หรือการหันไปผลิตเทปผีในยามวิกาล เพื่อหลีกให้พ้นจากสายตาตำรวจนั้น ถือได้ว่าเป็นพัฒนาการที่เกิดขึ้น
เพื่อตอบโต้กับความหูตากว้างไกลของไอเอฟพีไอ โดยเฉพาะ
ส่วนแหล่งกระจายเทปละเใดลิขสิทธิ์ ที่ขึ้นชื่อลือชาซึ่งมีอยุ่ที่พัฒนืพงษ์
ถนนข้าวสาร หน้าราม มาบุญครอง หรือสยาม ก็ได้มีการขยายตลาดให้ออกไปในต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น
เช่นที่เชียงใหม่ ภูเก้ต หาดใหญ่ เหล่านี้อยู่ในสายตาของไอเอฟพีไอ ที่จะต้องหามาตรการรับมือต่ไป
" ตอนนี้เราได้รับความร่วมมือจากกรมตำรวจที่พร้อมจะจัดส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือเราได้ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็นยามวิกาลเพียงใด ในขณะที่เรากำลังเร่งเสริมทีมใใหม่เข้ามาเพื่อจะให้เป็นหูเป็นตาให้กับเราในจังหวัดสำคัญ
เช่นที่เชียงใหม่ หาดใหญ่ ในเร็ว ๆ นี้ นอกจากนั้นความร่วมมือจากบริาทเทปิขสิทธิ์ในประเทศที่พยายามกระตุ้นผู้บริโภคหันมาซื้อเทปที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่ทำให้งานของเราเบาขึ้นบ้าง"
ในขณะเดียวกัน เมื่อได้รับเชิญจากองค์กรต่าง ๆ เพื่อไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ทางด้านสิ่งบันทึกเสียง
เทียนชัย ก็จะพยายามไปพูดไม่ให้ขาดแม้แต่งานเดียว และล่าสุดทางไอเอฟพีไอ
ก็ได้เข้าร่วมกับดรงเรียนสอนดนตรี " บัตเตอร์ฟลาย" โดยเข้าไปอบรมผู้เรียนเกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์เพลง
อย่างไรก็ตาม จนมาถึงจุดนี้ เทียนชัยภูมิใจในความสำเร็จของไอเอฟพีไอ ในระดับหนึ่ง
ที่สามารถกระตุ้นจิตสำนึกคนไทยให้หันมาสนใจกับทรัพย์สินทางปัญญาชิ้นนี้อย่างกว้างขวาง
ในขณะที่การดินกนการด้านศาลทางไอเอฟพีไอ ก็ไม่เคยเพลี่ยงพล้ำแม้แต่ครั้งเดียว
" ผมเองก็รู้สึกท้อใจบางครั้งเหมือนกัน รัฐบาลยังไม่มีมาตรการเข้มงวด
ที่จะออกมาเล่นงานพวกโรงงานเทปปลอมเหล่านี้เข็ดขยาดต่อไป เพราะลำพังเพียงแต่พวกผม
ก็คงได้แต่กำหราบ ไปชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ก็เคยคิดเหมือนกันว่าชีวิตของพวกผมก็คล้าย
ๆ กับหมาไล่เนื้อ ที่นายพรานเขาไม่ค่อยสนใจ ปล่อยให้หาเหยื่อตามยถากรรม
บทบาทของไอเอฟพีไอ ที่จะต้องประจันหน้ากับบรรดาโรงงานเทปผีทั้งหลายก็คงเป็นไปตามครรลองทีมีพัฒนาการแหลมคมมากยิ่งขึ้น
ซึ่งหากสังขารของสุนัขไล่เนื้อที่ชื่อว่า ไอเอฟพีไอไม่ร่วงโรย ไปเพราะความท้อใจแล้ว
โรงงานเทปผีก็คงนอนไม่เป็นสุขแน่