Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 มกราคม 2550
ชำแหละวิจัยตลาดอสังหาฯปีหมู(ร้อน)             
 


   
www resources

โฮมเพจ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์

   
search resources

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์, บจก.
Real Estate
เมธา จันทร์แจ่มจรัส




"พลัส" คาดปี 50 อสังหาฯ ทรงตัว คาดทั้งปียอดซัพพลายออกสู่ตลาด 66,000 ยูนิต มูลค่าตลาดรวม 1.8 แสนล้านบาท เชื่อผู้ประกอบการขายได้เพียง 62% ตลาดคอนโดฯ-ทาวน์เฮาส์ 1-3 ฮอตสุด ส่วนบ้านเดี่ยว 3-5 ล้านบาทยังสดใส

นาย เมธา จันทร์แจ่มจรัส ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2550 ว่า ภาพรวมยังคงเติบโตใกล้เคียงกับปี 2549 จากสมมุติฐานที่ว่า ระดับราคาน้ำมันทรงตัวและไม่ผันผวนเหมือน 1-2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลโดยตรงต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอตัวลงอยู่ในระดับ 1.5-3.0% ทำให้แรงกดดันด้านรายจ่ายของผู้บริโภคลดลง สถาบันการเงินต่างๆ มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.5-1% จะช่วยเอื้อต่อการซื้อที่อยู่อาศัยให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ การลงทุนของภาครัฐฯด้านสาธารณูปโภค เช่น การก่อสร้างส่วนต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้า 5 เส้นทาง ดำเนินไปตามเป้าหมาย มีส่วนสนับสนุนผู้ประกอบการขยายการลงทุนในธุรกิจมากขึ้น คาดการณ์ว่าปริมาณยูนิตเปิดขายในทุกตลาดประมาณ 66,000 ยูนิต และปริมาณอุปสงค์ในตลาดประมาณ 62% ,บ้านเดี่ยวราคา 3-5 ล้านบาท , ทาวน์เฮาส์ 1.5-3 ล้านบาทและคอนโดมิเนียม 1-3 ล้านบาทยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง

บ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ทรุด11%

ด้านนาย กันติทัต มลทา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย พลัส ฯ กล่าวว่า ปี 2549 ตลาดบ้านเดี่ยวมีการชะลอตัวจากปัจจัยลบต่างๆ ในขณะที่ตลาดคอนโดฯมีการเติบโตสูงสุดนับจากปี 2545 โดยผลจากการสำรวจโครงการบ้านจัดสรรในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2549 มีจำนวนโครงการ 609 โครงการจำนวน 39,406 ยูนิต ลดลง 11% เมื่อเปรียบเทียบกับกับปี 2548 ในจำนวนนี้แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 25,190 ยูนิต จาก 456 โครงการ และโครงการทาวน์เฮาส์ 14,216 ยูนิต จาก 153 โครงการ

ทั้งนี้ จำนวนซัพพลายใหม่ที่ลดลงดังกล่าว ผลมาจากยอดขายช่วงครึ่งปีแรกชะลอตัว ปริมาณบ้านเหลือขายในโครงการต่างๆ ยังมีอยู่ และผู้ประกอบการได้รับแรงกดดันด้านต้นทุนที่สูงขึ้น รวมถึงตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ส่งผลต่ออัตราผลกำไรที่ผู้ประกอบการประมาณการไว้ลดลง

ด้านยอดขายโครงการบ้านเดี่ยวในทุกพื้นที่อยู่ที่ 37% ปรับลดลง 13% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2548 โดยมียอดขายเฉลี่ยลดลงเช่นกันอยู่ที่ 3.1 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ จาก 5.3 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ สำหรับยอดขายโครงการทาวน์เฮาส์ในทุกพื้นที่อยู่ที่ 43% ลดลงกว่า 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2548 และมียอดขายเฉลี่ย 6.1 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ จากเดิมมียอดขายเฉลี่ย 9 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ ทั้งนี้เมื่อพิจารณาระดับราคา พบว่า โครงการบ้านเดี่ยวราคาตั้งแต่ 3-5 ล้านบาทมีส่วนแบ่งทางตลาดสูงสุด 37% ส่วนทาวน์เฮาส์ที่เปิดขายมากที่สุดอยู่ในระดับราคา 1-3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 43%

หากพิจารณายอดขายแบ่งตามระดับราคา พบว่า ทุกระดับราคามีการปรับตัวลง 9-14% โดยบ้านเดี่ยวระดับราคา 3-5 ล้านบาท ปรับลดลงสูงสุด 14% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกับปี 2548 แต่ทั้งนี้บ้านเดี่ยวระดับราคา 3-5 ล้านบาทยังคงมีความต้องการมากที่สุด ส่วนยอดขายทาวน์เฮาส์ในแต่ละระดับราคา พบว่า ยอดขายปรับลดลงเกือบทุกระดับราคา โดยทาวน์เฮาส์ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ลดลงมากที่สุด 42% ราคา 1-3 ล้านบาท ลดลง 29% ราคา 5-7 ล้านบาท ลดลง 20% และราคา 3-5 ล้านบาท ปรับลดลงต่ำสุด 10% ทั้งนี้ยังเป็นกลุ่มราคาที่มียอดขายเฉลี่ยสูงถึง 66% แสดงให้เห็นว่าตลาดกลุ่มนี้ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง

คอนโดฯจ่อคิดเปิด3.8หมื่นยูนิตในอีก 3 ปี

สำหรับตลาดคอนโดมิเนียม ปี 2549 เปิดขายทั้งสิ้น 27,550 ยูนิต ขยายตัวกว่า 2.5 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2548 และ 1 ใน 3 ของจำนวนห้องชุดเปิดขายใหม่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่รัชดาภิเษก-ลาดพร้าวสูงถึง 6,641 ยูนิต โครงการเปิดขายใหม่ส่วนใหญ่มีราคา 1-3 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปริมาณยอดขายในปี 2549 ทั้งสิ้น 18,095 ยูนิต ซึ่งสูงกว่ายอดขายปี 2548 ถึง 9,926 ยูนิต หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.2 เท่าตัว โดยพื้นที่รัชดาภิเษกยังคงมียอดขายสูงสุด 6,785 ยูนิต, สุขุมวิท 3,303 ยูนิต, ธนบุรี-ริมแม่น้ำ 2,182 ยูนิต และพหลโยธิน 2,162 ยูนิต

ด้านราคาขายห้องชุดเฉลี่ยปรับขึ้น 11% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2548 โดยพื้นที่พญาไทปรับขึ้นราคาขายมากที่สุด 34% หรือเพิ่มขึ้น 19,280 บาทต่อตารางเมตร เป็น 75,280 บาทต่อตารางเมตร รองลงมาพื้นที่สุขุมวิท 10% หรือปรับเพิ่มขึ้น 7,818 เป็น 83,103 บาทต่อตารางเมตร

สำหรับการสำรวจและติดตามภาวะการก่อสร้างฯ พบว่า มีโครงการสร้างเสร็จทั้งหมด 56 โครงการ จำนวน 13,075 ยูนิต เติบโตกว่า 2.8 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2548 ส่งผลให้มีอุปทานสร้างเสร็จสะสมในตลาดปัจจุบันเท่ากับ 104,289 ยูนิต และยังคงกระจุกตัวในเขตพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานคร ซึ่งโครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้กับลูกค้าที่ซื้อไว้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา

นับจากนี้ไปอีก 3 ปี จะมีคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จอีกประมาณ 38,000 ยูนิต อย่างไรก็ตามในจำนวนที่กำลังดำเนินการก่อสร้างนี้มียอดขายไปแล้วกว่า 70% ส่วนในปี 2549 ผู้ประกอบการขออนุญาตก่อสร้างอาคารชุด 19,000 ยูนิต คาดว่าจะมีการก่อสร้างในอีก 1-2 ปีข้างหน้า   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us