สายการบินเจ็ท แอร์เวย์สจากประเทศอินเดีย ประกาศสยายปีกบินเข้าประเทศไทยครั้งแรก ประเดิมเปิด 2 เส้นทางบินเมืองเศรษฐกิจหลัก กรุงเทพฯ-เดลี และกรุงเทพฯ-กัลกัตต้า หวังเพิ่มความแกร่งให้แก่สายการบินจากกลุ่มประเทศอินเดียดึงแชร์ที่นั่งขึ้นเป็น 50% จากปัจจุบันที่การบินไทยเป็นเจ้าตลาดหลัก ชูจุดขายบริการคุ้มราคา ประธาน “”เจ็ทแอร์” ไม่หวั่นเหตุการณ์ระเบิดกรุงเทพ พร้อมเดินหน้าเพิ่มเส้นทางบินใหม่ระหว่างไทย-อินเดียอีกอย่างต่อเนื่อง

นายนาเรช โกยอล ประธานสายการบิน เจ็ท แอร์เวย์ส(อินเดีย) เปิดเผยว่า บริษัทได้เล็งเห็นศักยภาพในการเดินทางระหว่างกันของประเทศอินเดียกับประเทศไทยที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี จึงได้ ตัดสินใจเข้ามาเปิดเส้นทางบินเข้ามาประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยจะเริ่มบินไฟล์ทแรกในวันที่ 23 มกราคม 250 ใน 2 เส้นทางหลัก คือ กรุงเทพ-เดลี และกรุงเทพกัลกัตต้า โดยจะทำการบินวันละ 1 ไฟล์ททั้ง 2 เส้นทาง รวม 14 ไฟล์ท ต่อสัปดาห์ กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จะมีทั้งนักธุรกิจ และ นักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้หวังเป็นคู่แข่งกับสายการบินใดที่มีอยู่แล้ว เช่น การบินไทย และแอร์อินเดีย แต่การเปิดเส้นทางบินเข้ามาประเทศไทยครั้งนี้จะช่วยเสริมความแกร่งและเป็นการผนึกกำลังให้กับสายการบินจากประเทศอินเดียในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในเส้นทางดังกล่าวให้ได้ 50% จากปัจจุบันที่เส้นทางจากกรุงเทพไปประเทศอินเดียในหลายเดสติเนชั่น ส่วนใหญ่จะเป็นบริการของการบินไทย และยังจะช่วยให้เกิดการเดินทางระหว่างสองประเทศเพิ่มมากขึ้น

สำหรับจุดแข็งในการที่จะเข้ามาแข่งขันในเส้นทางนี้ บริษัทได้ชูเรื่องของการบริการ เริ่มจากการใช้เครื่องบินใหม่ B 737-800 และในปี 2551 บริษัทจะใช้เครื่องบินแอร์บัส A330 มาใช้สำหรับเที่ยวบินกรุงเทพฯ-เดลี นอกจากนั้น ยังได้ติดตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์ทุกที่นั่งทั้งชั้นประหยัดและ บิสสิเนสคลาส พร้อมเสริฟอาหารจากเมนูที่หลากหลาย ทั้งอาหารไทย อาหารอินเดีย และอาหารนานาชาติ อัตราค่าตั๋วที่สมเหตุสมผล โดยโปรโมชั่นช่วงเปิดตัวซื้อตั๋ว 1 ที่นั่ง ฟรีอีก 1 ที่นั่งจนถึง 15 ก.พ.50 สำหรับลูกค้าที่เป็นสมาชิก เจ็ท พริวิเลจ ยังสามารถสะสมไมล์ร่วมกับการบินไทยได้อีกด้วย เชื่อว่าจากโปรโมชั่นและการบริการดังกล่าวจะเป็นที่เชิญชวนให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ ซึ่งขณะนี้ได้เปิดจองตั๋วล่วงหน้าแล้ว พบว่ากระแสตอบรับค่อนข้างดี

“จากเหตุลอบวางระเบิดในกรุงเทพฯในช่วงเทศกาลปีใหม่ บริษัทไม่มีความกังวลแต่อย่างใด และยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย จึงไม่ยกเลิกแผนการเปิดเส้นทางบินในวันที่ 23 มกราคมนี้ และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มเส้นทางบินจากกรุงเทพไปเมืองอื่นๆในอินเดียโดย โดยการเปิดเส้นทางบินครั้งนี้ถือเป็นเส้นทางที่ 50 ของสายการบินเจ็ทแอร์ “ นายโกยอล กล่าว

เล็งขยายเส้นทางบินคลุมทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการขยายธุรกิจ โดยมีแผนในการขยายเส้นทางบินไปในอีกหลายเดสติเนชั่นในหลายประเทศ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาตเพิ่มเส้นทางบินต่อกระทรวงการบินพลเรือนแห่งรัฐบาลอินเดีย เช่น เส้นทาง ยุโรป อเมริกาเหนือ แอฟริกา และเอเชีย เช่น ประเทศ จีน ฮ่องกง แคนาดา เป็นต้น ส่วนเส้นทางที่ได้รับสิทธิ์ทางการบินแล้วและเตรียมที่จะเปิดเส้นทางในลำดับถัดไปได้แก่ สหรัฐอเมริกา และในเดือน สิงหาคมศกนี้ จะเปิดเส้นทาง มุมไบ-นิวยอร์ก เป็นต้น ซึ่งในแผน 3 ปี นับจากนี้ไป บริษัท จะมีสัดส่วนเที่ยวบินในประเทศเป็น 55% และเที่ยวบินไปต่างประเทศ 45% จากปัจจุบันเส้นทางบินหลักของเจ็ทแอร์เวย์สส่วนใหญ่อยู่ในประเทศอินเดีย สำหรับประเทศไทย บริษัทวางตำแหน่งไว้ว่าจะใช้เป็นฮับในกลุ่มประเทศอินโดจีน เพื่อบินเข้าไปยังประเทศอินเดีย

นางอังสนา สุนทเรกานนท์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย สายการบิน เจ็ทแอร์เวย์ส กล่าวว่า หลังจากเปิด 2 เส้นทางดังกล่าวแล้ว เจ็ท แอร์เวย์ส ยังมีแผนที่จะเปิดเส้นทาง กรุงเทพ-บอมเบย์ เป็นเดลี่ไฟล์ท ในเร็วๆนี้ด้วย โดยช่วงแรกของการเปิดตัว บริษัทจะสร้างการรับรู้ให้แก่ลูกค้าด้วยการทำกิจกรรมและโฆษณาในหลายรูปแบบ ทั้ง บีโลว์เดอะไลน์ และ อโบฟเดอะไลน์ นอกจากนั้นยังมีพริ้นแอด และสื่อโฆษณากลางแจ้ง ด้วย โดยจะใช้งบประมาณจำนวนมากพอสมควรแต่ไม่สามารถเปิดเผยเม็ดเงินได้ ส่วนช่องทางจำหน่าย จะขายผ่านตัวแทนซึ่งมีทั้งหมดกว่า 400 รายทั่วประเทศ

นักท่องเที่ยวไทย - อินเดียโจปีละ 2 หลัก

ทางด้านนายสุรพล เศวตเศรนี รองผู้ว่าการ ด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ประเทศอินเดียถือเป็นตลาดหลักของททท.ที่อยู่ในกลุ่มภูมิภาคเอเชียใต้ โดยนักท่องเที่ยวชาวอินเดียนิยมที่จะเข้ามาชอปปิ้งที่ประเทศไทย โดยจะเดินทางมาระหว่างเดือน มกราคม-พฤศจิกายน ของทุกปี ซึ่งจากการที่จากสำรวจพบว่า นักท่องเที่ยวทั้งของทั้งสองประเทศมีการเดินทางระหว่างกันเพิ่มขึ้นทุกปี โดยระหว่างปี 2547-258 สถิตินักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปประเทศอินเดียเพิ่มจาก 29,835 คน เป็น 37,976 คน เติบโต 27.29% และระหว่างเดือน ม.ค.-เม.ย.49 นักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางไปอินเดียจำนวน 15,317 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน ของปี 2548 ในสัดส่วน 25.55%

ขณะที่นักท่องเที่ยวอินเดียก็นิยมเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ย. มีชาวอินเดียเดินทางมาประเทศไทยสูงถึง 377,161 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 17.76% และจากการเปิดให้บริการของสายการบิน เจ็ท แอร์เวย์ส ในครั้งนี้ จะทำให้ขณะนี้ประเทศไทยมีเที่ยวบินออกจากกรุงเทพฯไปสูงเมืองหลักต่างๆของอินเดียมากถึง 144 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ถือเป็นการสนองนโยบายรัฐบาลไทยและอินเดียที่ตั้งเป้าให้สายการบินมีที่นั่งไว้บริการ 10,000 ที่นั่งต่อสัปดาห์ภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นแนวโน้มให้เห็นว่าทั้งสองประเทศจะมีการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นยังเป็นการต่อยอดทางธุรกิจการลงทุนระหว่างสองประเทศให้มีเพิ่มขึ้นด้วย