Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน9 มกราคม 2550
S&Pแนะไทยต้องเด็ดขาดฟื้น"เชื่อมั่น"             
 


   
search resources

Economics
Investment




สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส(เอสแอนด์พี) บริษัทเครดิตเรตติ้งยักษ์ใหญ่ของโลก ออกคำแถลงวานนี้(8) ระบุว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องใช้ "ความพยายามด้วยความเด็ดขาด" เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากเกิดเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ รวมทั้งการที่ไทยกำลังถูกมองว่ามีเสถียรภาพทางการเมืองซึ่งย่ำแย่ลงเรื่อยๆ

"ประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นสถานที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจแห่งหนึ่งสำหรับการลงทุนของต่างประเทศในระยะไม่กี่ปีหลังมานี้" เป็นคำแถลงของ คิมเอ็งตัน นักวิเคราะห์เครดิตของเอสแอนด์พี ภายหลังการเผยแพร่รายงานที่ใช้ชื่อว่า "ความพยายามด้วยความเด็ดขาดเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการพลิกกลับภาวะเสื่อมถอยในความเชื่อมั่นทางการลงทุนในประเทศไทย"

"อย่างไรก็ดี ชื่อเสียงในฐานะสถานที่สำหรับการลงทุนของไทย ได้รับความเสียหายจากการก้าวถอยหลังจำนวนหนึ่งในช่วงปี 2006" คำแถลงของคิมกล่าวต่อ

ตามรายงานฉบับล่าสุดของเอสแอนด์พี เหตุบึ้มในกรุงเทพฯวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน เป็นเสมือนการปิดท้ายปีแห่งความปั่นป่วนผันผวนทางการเมือง ซึ่งได้ก่อให้เกิดความกังวลใหม่ๆ ขึ้นในหมู่ประชาชน เกี่ยวกับบริษัทต่างชาติที่ดำเนินกิจการอยู่ในประเทศไทย

ความวิตกในเรื่องเสถียรภาพทางการเมืองของไทย ได้เพิ่มทวีขึ้นเมื่ออดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกโค่นล้มจากอำนาจในการรัฐประหารเดือนกันยายน โดยที่ประเด็นปัญหาหนึ่งซึ่งผูกพันกับการล่มสลายของเขา ก็คือการขายบริษัทชินคอร์ป ให้แก่กลุ่มเทมาเส็กโฮลดิ้งส์ของรัฐบาลสิงคโปร์

หลังจากนั้น กระทรวงพาณิชย์ก็พบว่า ข้อตกลงซื้อขายคราวนั้น เป็นการกระทำละเมิดกฎหมายว่าด้วยกรรมสิทธิ์ของต่างชาติ แต่การวินิจฉัยดังกล่าวได้สร้างความกังวลใจให้แก่พวกบริษัทระหว่างประเทศว่า บรรดากิจการสาขาของพวกเขาในไทยอาจจะถูกพบว่า มีโครงสร้างทางกรรมสิทธิ์ซึ่งผิดกฎหมายไทยเช่นเดียวกัน

นอกจากนั้น การถกเถียงกันของสาธารณชนในเรื่องเกี่ยวกับข้อตกลงเอฟทีเอ, การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ, ตลอดจนกระแสคัดค้านแผนขยายกิจการของพวกบริษัทค้าปลีกต่างชาติ ก็เป็นสิ่งที่ทำลายความเชื่อมั่นในประเทศไทยของเหล่านักลงทุน รายงานของเอสแอนด์พีบอก

การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยนำเอามาตรการควบคุมเงินทุนมาใช้อย่างฉับพลันในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ก็ทำให้บรรดานักลงทุนยังคงเกิดความหวั่นใจว่า อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างกะทันหันกันอีกในอนาคต รายงานนี้กล่าวต่อ

"กระนั้นก็ตาม ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศไทยจำนวนมาก ยังคงมิได้รับผลกระทบกระเทือนจากเหตุการณ์ต่างๆ ในรอบปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ การทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นเสน่ห์ดึงดูดการลงทุนต่างประเทศใหม่ๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการประคับประคองให้อัตราเติบโตของเศรษฐกิจ อยู่ในฝีก้าวระดับใกล้เคียงกับที่ได้เห็นกันในช่วงอดีตที่เพิ่งผ่านพ้นไป" ตันระบุในคำแถลง

"แต่ถ้าปล่อยไว้โดยมิได้มีการจัดการแก้ไขแล้ว ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศซึ่งลดน้อยถดถอยลง จะทำให้ลู่ทางอนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยตกต่ำลง และเป็นสร้างความอ่อนแอให้แก่ปัจจัยอันสำคัญประการหนึ่ง สำหรับอันดับความน่าเชื่อถือของไทย"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us