|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส(เอสแอนด์พี) บริษัทเครดิตเรตติ้งยักษ์ใหญ่ของโลก ออกคำแถลงวานนี้(8) ระบุว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องใช้ "ความพยายามด้วยความเด็ดขาด" เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากเกิดเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ รวมทั้งการที่ไทยกำลังถูกมองว่ามีเสถียรภาพทางการเมืองซึ่งย่ำแย่ลงเรื่อยๆ
"ประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นสถานที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจแห่งหนึ่งสำหรับการลงทุนของต่างประเทศในระยะไม่กี่ปีหลังมานี้" เป็นคำแถลงของ คิมเอ็งตัน นักวิเคราะห์เครดิตของเอสแอนด์พี ภายหลังการเผยแพร่รายงานที่ใช้ชื่อว่า "ความพยายามด้วยความเด็ดขาดเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการพลิกกลับภาวะเสื่อมถอยในความเชื่อมั่นทางการลงทุนในประเทศไทย"
"อย่างไรก็ดี ชื่อเสียงในฐานะสถานที่สำหรับการลงทุนของไทย ได้รับความเสียหายจากการก้าวถอยหลังจำนวนหนึ่งในช่วงปี 2006" คำแถลงของคิมกล่าวต่อ
ตามรายงานฉบับล่าสุดของเอสแอนด์พี เหตุบึ้มในกรุงเทพฯวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน เป็นเสมือนการปิดท้ายปีแห่งความปั่นป่วนผันผวนทางการเมือง ซึ่งได้ก่อให้เกิดความกังวลใหม่ๆ ขึ้นในหมู่ประชาชน เกี่ยวกับบริษัทต่างชาติที่ดำเนินกิจการอยู่ในประเทศไทย
ความวิตกในเรื่องเสถียรภาพทางการเมืองของไทย ได้เพิ่มทวีขึ้นเมื่ออดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกโค่นล้มจากอำนาจในการรัฐประหารเดือนกันยายน โดยที่ประเด็นปัญหาหนึ่งซึ่งผูกพันกับการล่มสลายของเขา ก็คือการขายบริษัทชินคอร์ป ให้แก่กลุ่มเทมาเส็กโฮลดิ้งส์ของรัฐบาลสิงคโปร์
หลังจากนั้น กระทรวงพาณิชย์ก็พบว่า ข้อตกลงซื้อขายคราวนั้น เป็นการกระทำละเมิดกฎหมายว่าด้วยกรรมสิทธิ์ของต่างชาติ แต่การวินิจฉัยดังกล่าวได้สร้างความกังวลใจให้แก่พวกบริษัทระหว่างประเทศว่า บรรดากิจการสาขาของพวกเขาในไทยอาจจะถูกพบว่า มีโครงสร้างทางกรรมสิทธิ์ซึ่งผิดกฎหมายไทยเช่นเดียวกัน
นอกจากนั้น การถกเถียงกันของสาธารณชนในเรื่องเกี่ยวกับข้อตกลงเอฟทีเอ, การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ, ตลอดจนกระแสคัดค้านแผนขยายกิจการของพวกบริษัทค้าปลีกต่างชาติ ก็เป็นสิ่งที่ทำลายความเชื่อมั่นในประเทศไทยของเหล่านักลงทุน รายงานของเอสแอนด์พีบอก
การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยนำเอามาตรการควบคุมเงินทุนมาใช้อย่างฉับพลันในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ก็ทำให้บรรดานักลงทุนยังคงเกิดความหวั่นใจว่า อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างกะทันหันกันอีกในอนาคต รายงานนี้กล่าวต่อ
"กระนั้นก็ตาม ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศไทยจำนวนมาก ยังคงมิได้รับผลกระทบกระเทือนจากเหตุการณ์ต่างๆ ในรอบปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ การทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นเสน่ห์ดึงดูดการลงทุนต่างประเทศใหม่ๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการประคับประคองให้อัตราเติบโตของเศรษฐกิจ อยู่ในฝีก้าวระดับใกล้เคียงกับที่ได้เห็นกันในช่วงอดีตที่เพิ่งผ่านพ้นไป" ตันระบุในคำแถลง
"แต่ถ้าปล่อยไว้โดยมิได้มีการจัดการแก้ไขแล้ว ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศซึ่งลดน้อยถดถอยลง จะทำให้ลู่ทางอนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยตกต่ำลง และเป็นสร้างความอ่อนแอให้แก่ปัจจัยอันสำคัญประการหนึ่ง สำหรับอันดับความน่าเชื่อถือของไทย"
|
|
|
|
|