|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เอทีซีเอ็มระบุทิศทางปีหน้า 2550 คอมพ์ไทยยังไปโลด คาดตลาดรวมแตะ 1.6 แสนล้านบาท โตขึ้น 15% มุ่งเน้นโลคัลแบรนด์แกร่งสู้ต่างชาติ ส่วนอุตสาหกรรมดาวเด่น “ซอฟต์แวร์ ตลาดพีซีและโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ยังโตต่อเนื่อง
วิบูลย์ ว่องวีรชัยเดชา นายกสมาคมอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ไทย หรือเอทีซีเอ็ม กล่าวถึงทิศทางและแนวโน้มของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ไทยในปี 2550 ว่า ในช่วงปี 2549 ที่ผ่านมา ตลาดไอทีของไทยยังถือว่ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 12.6% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 141,426 ล้านบาท ซอฟต์แวร์ถือเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด รองลงมา เป็นกลุ่มฮาร์ดแวร์ บริการทางด้านคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสารข้อมูล ตามลำดับ
“ในปี 2550 ภาพตลาดไอทีโดยรวมยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นอีก 15% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 162,717 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจที่มีการประเมินกันว่า จะขยายตัวอยู่ที่ 4-5% เป็นผลมาจากปัจจัยบวกด้านต่างๆ จากหลายประการ เช่น ความสามารถในการเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐบาล ราคาน้ำมันในประเทศมีเสถียรภาพมากกว่าปี 2549 ผนวกกับอัตราเงินเฟ้อในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวลง และความเป็นไปได้ในนโยบายปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการใช้จ่ายซื้อสินค้ามากกว่าปีที่ผ่านมา รวมถึงการลงทุนสินทรัพย์ถาวรเพิ่มขึ้น
วิบูลย์ บอกอีกว่า การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในด้านไอที ในปี 2550 จะมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติเพิ่มขึ้นเป็น 2.22% โดยกลุ่มที่มีการใช้จ่ายทางด้านไอทีสูง ได้แก่ กลุ่มธุรกิจสำนักงานขนาดเล็กและโฮมออฟฟิศ กลุ่มการศึกษา ส่วนราชการ ซึ่งน่าจะมีโครงการจัดซื้อเพิ่มขึ้นและกลุ่มโฮมยูส ซึ่งกลุ่มต่างๆ เหล่านี้จะมีกำลังการซื้อเติบโตเพิ่มขึ้นหลังจากที่สถานการณ์บ้านเมืองคลี่คลายและราคาน้ำมันปรับตัวลดลง
สำหรับการเติบโตของตลาดคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยนั้น วิบูลย์มองว่า มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องและยังขยายตัวได้อีกประมาณ 8-10% และมียอดจำหน่าย 1.4-1.5 ล้านเครื่อง จากการสำรวจความต้องการซื้อสินค้าเทคโนโลยีของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯ ช่วงเดือนสิงหาคม 2549 ที่ผ่านมาพบว่า ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ 8% ต้องการซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ 56% ต้องการซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ 46%
“คาดว่า ราคาของเครื่องคอมพิวเตอร์จะปรับลดลง แม้ว่าชิ้นส่วนประกอบหลายชิ้นส่วนมีแนวโน้มปรับราคาเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่พยายามนำเสนอสินค้าที่มีราคาต่ำลงและตัดอุปกรณ์เสริมบางอย่างเพื่อลดต้นทุนและยอมรับกำไรต่อเครื่องลดลง ทั้งในกลุ่มของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและเครื่องโน้ตบุ๊ก”
วิบูลย์ ยังบอกอีกว่า การปรับลดราคาเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นในกลุ่มผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อินเตอร์แบรนด์ที่มีความได้เปรียบในด้านความแข็งแกร่งของตราสินค้าที่เป็นที่ยอมรับจากตลาดทั่วโลก พร้อมกับมีบริการหลังการขายที่ดีและมีการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะของแต่ละแบรนด์อยู่เสมอ ส่งผลให้การทำตลาดสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้มากด้วยการปรับราคาลงเพื่อเพิ่มยอดขาย และยังส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตคอมพิวเตอร์โลคัลแบรนด์ในปัจจุบันที่มีราคาจำหน่ายต่ำกว่า ทำให้ต้องเร่งปรับกลยุทธ์การแข่งขันเพิ่มขึ้น ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่เป็นโลคัลแบรนด์นั้นยังต้องมีการพัฒนาการยอมรับของตราสินค้า บริการหลังการขายและการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรองรับตลาดที่เติบโตเพิ่มขึ้น
|
|
|
|
|