Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์8 มกราคม 2550
"ไอซีที"ปีหมูทองไร้อุปสรรคคนไทยลงทุน 2.4 แสนล้าน             
 


   
search resources

ไอดีซี รีเสิร์ซ (ไทยแลนด์), บจก. - IDC
ICT (Information and Communication Technology)




- ไอดีซี วิเคราะห์ตลาดไอซีทีไทยปีหมูทองยังโต 17% มูลค่าแตะ 2.4 แสนล้าน
- ตลาดโทรคมนาคมไทยครองสัดส่วนเม็ดเงินถึง 1.4 แสนล้าน ขณะที่ตลาดโน้ตบุ๊กพยุงตลาดพีซีโตต่อเนื่อง
- ไร้ปัจจัยลบกระทบอุตสาหกรรมโดยรวม "การเมือง-ราคาน้ำมัน" ไม่ได้แอ้ม

เป็นธรรมเนียมช่วงปลายปีต่อต้นปีของอุตสาหกรรมไอทีไทยที่บริษัทวิจัยตลาดจะต้องออกโรงมาสรุปภาพรวมในปีที่ผ่านมากับวิเคราะห์แนวโน้มตลาดในปีต่อๆ ไปว่าเป็นอย่างไร

บริษัท ไอดีซี รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทวิจัยตลาดไอซีทีที่มีสำนักงานในประเทศไทยได้จัดการประมวลทิศทางไอซีที ปี 2550 ขึ้นมา โดยที่ทาง เจฟฟี่ แซ่อึ้ง ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ไอดีซี รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์ตลาดด้านไอทีในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกปีหน้าว่า จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 6.6% ท่ามกลางการแข่งขันกันอย่างรุนแรงเพื่อสร้างตลาดใหม่ โดยอุปกรณ์สื่อสารประเภทสมาร์ท แฮนด์เฮลด์ ดีไวซ์ (เอสเอชดี) เป็นตัวผลักดันตลาดเนื่องจากราคาเครื่องลูกข่ายลดลงทำให้เป็นแรงจูงใจผู้บริโภค

"ซอฟต์แวร์ยังเป็นตัวผลักดันให้ตลาดในปีหน้า ซึ่งมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 8% ตามด้วยฮาร์ดแวร์ประมาณ 6.5% และบริการไอทีจะมีอัตราการเติบโตที่ไม่เปลี่ยนแปลง จากปีที่ผ่านมา คือ อยู่ที่ประมาณ 6% โดยเฉพาะการออกระบบปฎิบัติการใหม่ที่ชื่อว่า "วิสต้า" จะช่วยสนับสนุนกำลังซื้อพีซีในปี 2550 สำหรับประเทศไทย ไอดีซีเชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตด้านไอซีทีประมาณ 17% โดยบริการด้านไอทียังเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด ตามด้วยตลาดฮาร์ดแวร์ประมาณ 15.4% และตลาดซอฟต์แวร์ประมาณ 11%"

ส่วนปัญหาราคาน้ำมันในปีที่ผ่านมา เจฟฟี่ มองว่า เป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งทางไอดีซีอาจจะต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูลใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนมีนาคม 2550 เพื่อตรวจทานผลวิจัยว่า จะมีผลกระทบต่อการคาดการณ์หรือไม่

"สำหรับตลาดธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี ภาพโดยรวมในปี 2550 จะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ตลาดรวมมีอัตราการเติบโต 10% จะมีมูลค่าตลาดเติบโตถึง 52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมีอัตราการเติบโต 8.4%"

ทรัพย์ทวี ไชยสมบูรณ์ นักวิเคราะห์ตลาดส่วนฮาร์ดแวร์มองถึงตลาดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือพีซีโดยรวมในปี 2549 ณ ไตรมาสที่ 3 ถือว่ายังคงมีการเติบโต แม้ว่าจะมีสถานการณ์ภายนอกมากระทบต่อยอดการซื้อก็ตาม ทั้งนี้ได้แรงซื้อจากตลาดโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ที่ช่วยทำให้มียอดการขายเติบโต ขณะที่ตลาดคอมเมอร์เชียล เดสก์ท็อปยังคงเดินหน้าจากโครงการภาครัฐบางส่วน ตลาดพีซีโดยรวมในปี 2549 โตขึ้นจากปี 2548 ประมาณ 24% คิดเป็นจำนวน1,500,000 เครื่อง

"คาดว่า ในปี 2550 ตลาดพีซีคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากฝั่งผู้บริโภคที่ยังคงมีความต้องการสินค้าและเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะตลาดโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ ขณะที่ภาครัฐบาลและเอกชนยังคงมีการขยายตัวเช่น กลุ่มธุรกิจการเงินและธนาคาร

ทรัพย์ทวี ยังบอกว่า ปี 2550 ในส่วนของตลาดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 25% หรือประมาณ 1,700,000 เครื่อง และในปี 2551 จะเติบโต 32% เนื่องจากการลดราคาของสินค้าและความต้องการของผู้บริโภคมีอัตราเพิ่มสูงขึ้น

ตลาดโน้ตบุ๊กมีการขยายตัว และโครงการประมูลเครื่องพีซีรวมถึงงบเบิกจ่ายของภาครัฐ สำหรับโน้ตบุ๊กเองปี 2549 เติบโตขึ้น 21% มีจำนวน 550,000 เครื่องและจะเติบโตในปี 2550 ประมาณ 25% ส่วนปี 2551 จะเติบโต 32% เพราะผู้ใช้ยังมีความต้องการ เนื่องจากสะดวกสบายในความเป็นโมบิลิตี้

"ตลาดพรินเตอร์และอุปกรณ์มัลติฟังก์ชั่นในปี 2549 ที่ผ่านมานั้น ตลาดรวมปีนี้หากมองถึงขนาดของตลาดจะมีมูลค่าอยู่ที่ 1,270,000 ยูนิต ลดลงจากปีที่ผ่านมา 0.5% เนื่องจากตลาดอิงก์เจ็ตพรินเตอร์เริ่มอิ่มตัวและแรงซื้อในส่วน เอ็นทรี เลเวล โมเดลที่ย้ายไปสู่อุปกรณ์ชนิดอื่นอย่างอิงก์เจ็ต มัลติฟังก์ชั่น แต่ถ้ามองถึงมูลค่าจะโตขึ้น 3.2% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 187,300,000 ล้านบาท" วรเจตน์ เจริญนิช นักวิเคราะห์ตลาดส่วนฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง บริษัท ไอดีซี รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด

ทั้งนี้ไอดีซีคาดการณ์ว่าในปี 2550 ตลาดโดยรวมจะกลับมาเติบโตอีกครั้งด้วยแรงส่งจากปัจจัยทางด้านสังคมและเศรษฐกิจที่ดีขึ้นโดยเฉพาะตลาดในส่วนของอิงก์เจ็ต มัลติฟังก์ชั่นที่คาดว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น โดยคาดหมายว่าน่าจะเติบโตขึ้นมากถึง 29% หรือประมาณ 420,000 เครื่องเลยทีเดียว ด้วยแรงซื้อที่ย้ายมาจากตลาดอิงก์เจ็ตพรินเตอร์ ขณะที่เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์มัลติฟังก์ชั่นจะมีอัตราการเติบโตอยู่ 18% หรือประมาณ 29,000 เครื่อง

เวทจารี ภัทรปฏิการ นักวิเคราะห์ตลาดส่วนฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง บริษัท ไอดีซี รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงตลาดอุปกรณ์พกพาให้ฟังว่า ในปี 2549 ภาพรวมตลาดคอมพิวเตอร์มือถือในประเทศไทยเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้จากปีที่แล้วที่มองว่า จะมีการเติบโตสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 28.2% ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโตและมีส่วนแบ่งภายในตลาดสูงสุด ส่วนตลาดคอมพิวเตอร์พกพาที่เน้นการใช้งานด้านเสียงเป็นหลักหรือวอยซ์ เซนทริก คอมพิวเตอร์พกพารุ่นใหม่ๆ มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เรียกว่า สมาร์ทโฟนรวมอยู่ด้วยเพิ่มมากขึ้น ทำให้สัดส่วนตลาดนี้สูงถึง 90.9% รองลงมาเป็นตลาดพีดีเอโฟนที่มุ่งใช้งานด้านข้อมูลหรือดาต้า-เซนทริกมีส่วนแบ่งประมาณ 8.0% ในส่วนของผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์มือถือที่ใช้ปากกาในการสั่งงานหรือเพนเบสมีการเติบโตลดลงอย่างต่อเนื่องจากปีที่แล้วโดยมีส่วนแบ่งในปีนี้อยู่ที่ 1.1%

"ตลาดคอมพิวเตอร์พกพาหรือแฮนด์เฮลด์ ดีไวซ์ในปี 2549 เติบโตขึ้นมาอยู่ที่ 1,688,096 เครื่อง โดยแนวโน้มกลุ่มคอมพิวเตอร์มือถือนี้จะมีการเติบโตโดยเฉลี่ย 5 ปีระหว่างปี 2548-2553 อยู่ที่ 16.1% หากคิดเป็นจำนวนเครื่องคาดว่าอาจมีสูงถึง 2,500,000 เครื่องภายในปี 2553 ส่วนกลุ่มคอมพิวเตอร์พกพาที่ใช้ส่งข้อมูลเป็นหลักในปี 2550 เชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงสุด 26% หรือเกือบ 160,000 เครื่อง ขณะที่ปี 2549 มีอยู่ประมาณ 150,000 เครื่อง ส่วนคอมพิวเตอร์พกพาที่ใช้ปากกาสั่งงานในปีนี้เชื่อว่าจะโตประมาณ 20.9% หรือประมาณ 12,000 เครื่อง และกลุ่มที่ใช้เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเติบโตน้อยที่สุด 8.1% แต่ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีฐานตลาดสูงสุดซึ่งมีอยู่ประมาณ 1,500,000 เครื่อง

ทั้งนี้ ไอดีซีได้คาดการณ์ว่า ในอนาคต ตลาดของพีดีเอจะหดตัวลงเพราะถูกกลืนจากโทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างช้าๆ และหมดความนิยมลงเรื่อยๆ ในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตาม ไอดีซีได้คาดการณ์ตลาดคอมพิวเตอร์มือถือจะยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งไปจนถึงปี 2554 อยู่ในระดับ 16.1% โดยมีตลาดของวอยซ์ เซนทริกเป็นตัวผลักดันยอดขายให้ตลาดโดยรวมมีการเติบโต

แอชริยา คาพูร์ นักวิเคราะห์ตลาดซอฟต์แวร์ บริษัท ไอดีซี รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า สถานการณ์ตลาดซอฟต์แวร์ไทย 2 ปีที่ผ่านมานั้นมีการเติบโตที่ใช้ได้ทีเดียว โดยในปี 2549 มีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 326.51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงขึ้นกว่าปีก่อนถึง 10% และโตขึ้นจากปี 2547 ถึง 28% สำหรับมูลค่าของตลาดในแต่ละส่วนนั้นแบ่งได้เป็นยอดของตลาดแอปพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ 40% แอปพลิเคชั่น ดิพลอยเมนต์ แอนด์ ดีเวลลอปเมนต์ซอฟต์แวร์ 21% และซิสเต็มส์ อินฟราสตรักเจอร์ ซอฟต์แวร์ 39%

ส่วนการเติบโตในอนาคตนั้น ไอดีซี คาดว่าจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 2549-2553 อยู่ที่ 12% และน่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ 508.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2553 ซึ่งแนวโน้มตลาดซอฟต์แวร์ที่จะเด่นชัดปีหน้า ในกลุ่มธนาคารและการเงินจะลงทุนเพื่อทำตามกฎระเบียบทั้งบาเซิล ทูและซาร์บานส์ ออกซ์เลย์

ขณะที่เทคโนโลยีที่มาแรงจะมุ่งลงทุนผลักดันการใช้งานสถาปัตยกรรมระบบซ็อกซ์หรือ sox โดยเจ้าของเทคโนโลยีจะสร้างการตื่นตัวให้รับรู้สินค้า การใช้อาร์เอฟไอดีที่เริ่มมีการนำไปใช้ในโครงการนำร่อง เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ และการสื่อสารเสียงผ่านทางอินเทอร์เน็ตหรือวอยซ์โอเวอร์ไอพี ซึ่งคาดว่าจะมาแทนการใช้ระบบโทรศัพท์พื้นฐาน หรือพีเอสทีเอ็น

อรรถพล สาธิตคณิตกุล นักวิเคราะห์ตลาดส่วนงานบริการไอที บริษัท ไอดีซี รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด วิเคราะห์ตลาดบริการไอทีในปี 2549 ว่า มูลค่าตลาดบริการไอทีในปีนี้อยู่ที่ 26,040 ล้านบาท ประกอบด้วยบริการที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยี 39% ตลาดบริการด้านบริการติดตั้งควบรวมระบบครบวงจร และที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ 38% และตลาดไอทีเอาต์ซอร์สซิ่ง 23%

"ปี 2549 เป็นปีที่บริการเอาต์ซอร์สซิ่ง เติบโตสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาอย่างมาก เนื่องจากองค์กรขนาดใหญ่เริ่มให้ความสำคัญกับการจ้างบริการไอทีจากบริษัทภายนอกมากขึ้น แต่เน้นการพัฒนาเฉพาะส่วนงานจะมีมูลค่าสูงถึง 6,000 ล้านบาท ขณะที่เมื่อปี 2548 ตลาดเอาต์ซอร์สซิ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 5,000 ล้านบาท"

อรรถพล ยังคาดการณ์ตลาดในปี 2550 ไว้ว่า ตลาดบริการไอทีในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตกว่าปีที่แล้ว 24% มีมูลค่าตลาดโดยประมาณ 801.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ปี 2551 จะมีอัตราการเติบโตกว่าปี 2550 ประมาณ 13% คิดเป็นมูลค่าตลาดอยู่ที่ 911.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

แนวโน้มตลาดบริการไอทีจะเริ่มเห็นรูปแบบการให้บริการด้านที่ปรึกษาโซลูชั่นความปลอดภัย ที่จะทำให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และบริษัทผู้ให้บริการด้านสื่อสาร จะเคลื่อนเข้าให้บริการเป็นไอซีที โซลูชั่น โพรไวเดอร์ให้กับลูกค้า รวมถึงกระแสของการคอนเวอร์เจนซ์ธุรกิจก็จะต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ โดยเฉพาะโมบายแอปพลิเคชั่น

ตลาดหลักที่มีการใช้บริการไอทีอันดับต้นๆ ยังเป็นกลุ่มสถาบันการเงินและธนาคารที่ต้องลงทุนปรับระบบให้รองรับระเบียบใหม่ๆ อย่างบริหารความเสี่ยง ซึ่งกลุ่มนี้มีการใช้จ่ายเป็น 1 ใน 3 ของมูลค่าตลาดรวม และตลาดภาครัฐที่ใช้จ่ายกว่า 1 ใน 6 ของตลาด ซึ่งคาดว่าตลาดภาครัฐในครึ่งปีหลัง อาจใช้จ่ายน้อยลง เนื่องจากอาจไม่มีโครงการรัฐใหม่ๆ ในปีงบประมาณ 2551

ทวีสิทธิ์ กุลองคณานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโสส่วนโทรคมนาคม บริษัท ไอดีซี รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า ตลาดบริการโทรคมนาคมในประเทศไทยปีที่ผ่านมาคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าตลาดประมาณ 2.17 แสนล้านบาท โดยตลาดผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มีสัดส่วนประมาณ 65% และตลาดโทรศัพท์พื้นฐานหรือฟิกซ์ไลน์ประมาณ 35% โดยมูลค่าตลาดผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะสูงถึง 140,000 ล้านบาท ด้วยจำนวนผู้ใช้ประมาณ 30 ล้านรายปีนี้ ขณะที่มูลค่าตลาดอินเทอร์เน็ตจะอยู่ประมาณ 11,750 ล้านบาท ซึ่งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือบรอดแบนด์มีสัดส่วนมากถึง 69% และแนโรว์แบนด์ 32%

ในส่วนของมูลค่าการใช้จ่ายด้านโทรคมนาคมของประเทศไทยจะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 6,590 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งเติบโตจากปีที่ผ่านมา 6.5% และไอดีซีคาดว่าปี 2550 จะมีมูลค่า 7,060 ล้านดอลลาร์สหรัฐมีอัตราเติบโต 7.2% และในปี 2551 จะมีมูลค่าราว 7,580 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตลาดบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยังครองสัดส่วนสูงที่สุดมากกว่าครึ่งหนึ่งของการใช้จ่ายทั้งหมด

สำหรับงานบริการด้านโทรคมนาคม ในปี 2550 จะมีจำนวนผู้ใช้งานในระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้นเป็น 43 ล้านเลขหมายจากปัจจุบันที่มีประมาณ 30 ล้านเลขหมาย ซึ่งมีอัตราการเติบโต 16.2% เมื่อเทียบกับปี 2549 เป็นผลมาจากการออกโปรโมชั่นของโอเปอเรเตอร์ที่ให้ค่าบริการถูกลง และยังคงมีการหาลูกค้าในลักษณะแจกซิมการ์ดฟรีอยู่ นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มอัตราผู้ถือ 2 เลขหมายเพิ่มขึ้น ไปจนปี 2553

สำหรับผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม จะมีผู้ประกอบการรายใหม่เพิ่มมากขึ้น โดยจะมีการร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อให้บริการผู้บริโภคอย่างครบวงจร

ทางด้านตลาดบริการโทรคมนาคมนั้นคาดว่าจะมีมูลค่าตลาด 26,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยี 39% บริการติดตั้งควบรวมระบบครบวงจร และที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ 38% และการรับจ้างบริหารระบบงานไอที 23%

ขณะที่ประมาณการมูลค่าตลาดบริการโทรคมนาคมปี 2550 จะเติบโตขึ้น 24% เป็น 801.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขยายตัวอีก 13% ในปี 2551 ด้วยมูลค่า 911.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในส่วนของมูลค่าการใช้จ่ายด้านโทรคมนาคมของประเทศไทยจะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 6.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเติบโตจากปีที่ผ่านมา 6.5% และไอดีซีคาดว่าปี 2550 จะมีมูลค่า 7,060 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราเติบโต 7.2% และในปี 2551 จะมีมูลค่าราว 7,580 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตลาดบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังครองสัดส่วนสูงที่สุดมากกว่าครึ่งหนึ่งของการใช้จ่ายทั้งหมด

ปี 2550 การใช้จ่ายตลาดไอทีไทยทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ ไม่รวมสื่อสาร จะเติบโตจากปี 2549 ราว 17% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยถือเป็นอัตราเติบโตอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก รองจากจีนที่เติบโต 32% และอินเดีย 23%

ขณะที่ปีนี้คาดว่าการใช้จ่ายไอทีจะอยู่ที่ประมาณ 3.4 พันล้านดอลลาร์ โตจากปีที่ผ่านมา 12% ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากครึ่งปีหลัง ที่มีกำลังซื้อตลาดคอนซูเมอร์ และการใช้จ่ายงบประมาณปี 2549 ของภาครัฐที่ไม่ได้ปรับลดลง

ส่วนการเติบโตหลักปีหน้า จะมาจากอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) และความต้องการหลักการจัดซื้ออุปกรณ์พกพาหรือแฮนด์เฮลด์ ดีไวซ์ โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่สามารถเป็นทั้งโทรศัพท์และส่งข้อมูลได้ในเครื่องเดียว ซึ่งคาดการณ์ตลาดรวมจะสูงกว่า 1.5 ล้านเครื่อง มีการเติบโตเฉลี่ย 5 ปี ราว 16.1%

ตัวเลขมูลค่าตลาดดังกล่าว จัดทำเมื่อต้นเดือนกันยายน ซึ่งไม่ได้รวมการเปลี่ยนแปลงปัจจัยอัตราแลกเปลี่ยน และการเมืองเข้ามา อย่างไรก็ตาม การประเมินผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยน จะมีผลกระทบน้อยมาก และสภาพการเมืองที่รัฐบาลออกมาให้ความชัดเจนเรื่องจุดยืน และย้ำให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งทำให้ยังมีการลงทุนในภาคเอกชนต่อเนื่องและราคาน้ำมันก็มีเสถียรภาพมากขึ้น

"ส่วนที่น่ากังวลก็คือ ในครึ่งปีหลังของปี 2550 อาจมีการชะลอการใช้จ่ายของรัฐ เพราะไม่ค่อยมีโครงการใหม่ๆ ออกมา เนื่องจากไม่มีโครงการประชานิยมเหมือนรัฐบาลที่แล้ว"

ขณะที่ในส่วนของตลาดสื่อสารไทยและทั่วโลกจะเติบโตไม่สูงมากนัก เนื่องจากจำนวนผู้ใช้มือถือต่อประชากรค่อนข้างสูงแล้ว หากมีการลงทุนเทคโนโลยี 3 จี พฤติกรรมประชากรก็จะใช้บริการเสียงมากกว่าบริการเสริมหรือนอนวอยซ์ ส่วนนโยบายอินเตอร์คอนเนกชั่นชาร์จ และภาษีสรรพสามิต ก็เป็นต้นทุนที่ผู้ให้บริการรวมไว้อยู่แล้ว

ตลาดเอนเตอร์ไพรซ์ โมบิลิตี้ ปี 2549 มีมูลค่า 526.50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ปี 2550 จะอยู่ที่ 645.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปี 2551 จะมีการใช้จ่ายอยู่ที่ 754.20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะมีเรื่องของโมบายอีเมลเป็นจุดขาย

ตลาดโมบายมิวสิกเป็นอีกตลาดหนึ่งที่ไอดีซีประเมินว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้าจะสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการสูง โดยในปี 2549 มีมูลค่าการใช้จ่ายอยู่ที่ 18.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปีหน้า 21.19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปี 2551 อยู่ที่ 23.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีริงโทนและริงแบ็กโทนโตสูงสุด ขณะที่ฟูลแทร็ก มิวสิกเพิ่งเริ่ม

ส่วนตลาดเกมออนไลน์ ปีนี้ไอดีซีคาดว่าจะมีผู้เล่นเกมออนไลน์อยู่ที่ 19% จากจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 12.07 ล้านคน คิดเป็นมูลค่า 43.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2550 จะมีประมาณ 20% จากยอดผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่คาดว่าจะมีประมาณ 13 ล้านราย และปี 2551 คาดว่าจะมีผู้เล่นเกมอยู่ที่ 21% จากจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตคิดเป็นมูลค่า 64.98 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีปัจจัยมาจากการพัฒนาเรื่องของโลคัลคอนเทนต์ และการคิดค้นเกมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us