คิงเพาเวอร์ฯ อ่วม ทอท.เรียกผลตอบแทนเพิ่มอีกพันล้านในพื้นที่เกินสัญญา "วิชัย" รับสภาพ พร้อมรื้อส่วนต่อเติมที่กีดขวางจราจรในอาคาร หลังถูกบอร์ด ทอท.เรียกซักสัญญาอัปยศ ขณะที่โรงแรมสุวรรณภูมิและ รปภ.โดนด้วย ประชุมลับคดีซีทีเอ็กซ์ บอร์ดชี้หลักฐานเอาผิดไม่ชัด ขอรอหนังสือจาก คตส.ก่อนถกอีกรอบ 11 ม.ค.นี้
นายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยว่า ก่อนการประชุมคณะกรรมการ ทอท.ที่มี พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานเมื่อวันที่ 3 ม.ค. ที่ผ่านมา นั้น บอร์ด ทอท.ได้เรียกเอกชนผู้รับสัมปทาน ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 3 สัญญาคือ กลุ่มล็อกซ์เลย์-ไอซีทีเอสคอนซอร์เทียม ผู้รับสัมปทานรักษาความปลอดภัยในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัทคิงเพาเวอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้รับสัมปทานร้านค้าปลอดภาษีและพื้นที่ร้านค่าเชิงพาณิชย์และกลุ่มโนโวเทลผู้รับสัมปทานโรงแรมสุวรรณภูมิ เพื่อมาชี้แจงรายละเอียดประเด็นที่เป็นข้อสงสัยต่างๆ และให้คณะทำงานแก้ไขปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบในการจัดซื้อจัดจ้างและการให้สัมปทานที่มีนายคัมภีร์ แก้วเจริญ เป็นประธานตรวจสอบต่อไป
ในส่วนของพื้นที่ของบริษัท คิงเพาเวอร์ฯ นั้นในการสำรวจเบื้องต้นตรงกันว่ามีพื้นที่เกินจากที่ตกลงไว้จริงโดยในส่วนของ ร้านค้าปลอดภาษีพื้นที่เกินกว่า 4,000 ตารางเมตร ส่วนพื้นที่เชิงพาณิชย์เกินกว่า 1,000 ตารางเมตร ซึ่งจะต้องเจรจาเพื่อขอปรับเงื่อนไขผลตอบแทนด้วย คาดว่าจะทำให้ ทอท.มีรายได้จากสัญญาของคิงส์เพาเวอร์นับพันล้านบาท อย่างไรก็ตามจะมีการเจรจาเพื่อรื้อย้ายร้านค้าบางส่วนที่กีดขวางสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้โดยสารด้วย โดยการวัดพื้นที่และการจัดการทั้งหมดจะเสร็จภายใน 1 เดือน
ด้านนายวิชัย รักศรีอักษร ประธานกลุ่มบริษัทคิงพาวเวอร์กล่าวว่า ได้ให้ข้อมูลชี้แจงกับคณะกรรมการ ทอท.ถึงการใช้พื้นที่ ซึ่งยอมรับว่ามีพื้นที่เกินจริง มีสาเหตุเกิดจากการทำสัญญาช่วงที่ผ่านมาได้ทำในลักษณะกว้างๆ ไม่ระบุพื้นที่ชัดเจน เช่น ระบุว่าจะมีการใช้พื้นที่ร้านค้าปลอดภาษีประมาณ 50,000 ตารางเมตร เชิงพาณิชย์ 30,000 ตารางเมตร ซึ่งตัวเลขการใช้พื้นที่จริงอาจเปลี่ยนแปลงได้
อย่างไรก็ตาม คิงเพาเวอร์พร้อมปฎิบัติตามมติของบอร์ด ทอท.ในทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นการเรียกเก็บค่าเช่าเพิ่มเติมที่เกินสัญญาหรือจะให้บริษัทฯ รื้อถอนสิ่งกีดขวางทางเดินหากบอร์ด ทอท.ให้เหตุผลที่ชัดเจนว่าพื้นที่เกินไปกีดขวางและสร้างความไม่สะดวกกับผู้โดยสาร
สำหรับเงื่อนไขประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่ผ่านมาระบุว่า ผู้ยื่นขอบริหารพื้นที่ สามารถทำได้มากกว่าที่กำหนดให้แต่ต้องเสนอผลประโยชน์เพิ่มให้ด้วย คิงเพาเวอร์จึงขอเพิ่มอีก 5,000 ตารางเมตร จากที่ ทอท.ให้ 20,000 ตารางเมตร เป็น 25,000 ตารางเมตร โดยเสนอผลประโยชน์ตอบแทนเพิ่มเติม 1,431 ล้านบาท ในปีแรกและจ่ายล่วงหน้า 2 ปีทำให้คิงเพาเวอร์ชนะรายอื่นๆ
ส่วนพื้นที่ร้านค้าปลอดภาษี เดิมกำหนดให้ 5,000 ตารางเมตรโดยบริษัทฯ จะจ่ายค่าตอบแทน 1,200 ล้านบาท ในปีแรก และเพิ่มเป็น 1,260 ล้านบาทในปีที่ 2 เมื่อครบอายุสัญญา 10 ปีจะต้องจ่ายให้ ทอท.ทั้งหมด 16,736 ล้านบาท ไม่รวมส่วนแบ่งรายได้อีก 15%จากการขายสินค้าใน5 ปีแรกและจะเพิ่มขึ้นทุกปี ปีละ 1% จนครบอายุสัญญา เบื้องต้นคาดว่าบริษัทฯจะจ่ายเงินให้ ทอท. ถึง 3 แสนล้านบาทในเวลา 10 ปี
ด้านนายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ อธิบดีกรมขนส่งทางอากาศ (ขอ.) ในฐานะกรรมการบอร์ด ทอท.กล่าวว่าที่ประชุมบอร์ด ทอท.ได้ซักถามบริษัท โรงแรมโนโวเทล แอร์พอร์ต สุวรรณภูมิ จำกัด ในกรณีสัญญาประกันรายได้ขั้นต่ำ บอร์ดเห็นว่าต่ำเกินไปถึงแม้ว่าโรงแรมโนโวเทล จะยังมีรายได้ไม่สูงมาก แต่รายได้มากกว่าที่ทำสัญญาประกันรายได้ขั้นต่ำกับ ทอท. และกรณีที่ว่าจ้างบริหารงานสูงเกินไปส่วนบริษัท ล๊อกซ์เลย์ จำกัดกรณีที่ได้รับสัญญาสัมปทานจ้างงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) บอร์ดเห็นว่ามีพนักงานที่มาดำเนินงานน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งบริษัทฯ ยินดีที่จะเพิ่มพนักงานเข้ามาปฏิบัติหน้าที่เพิ่มขึ้นรอบสนามบิน
เร่งปรับปรุงบ้านป้องกันเสียง
ที่ประชุมยังพิจารณาและมีมติเพียงเรื่องเดียวคือ การอนุมัติเป็นการเร่งด่วนให้ ทอท.แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมด้านเสียงกับชุมชน 42หมู่บ้านรอบสนามบินสุวรรณภูมิ โดยให้คัดเลือกบริษัทที่อยู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประมาณ 30 บริษัทจากทั้งหมด 46 บริษัทเพื่อให้เข้ามาประเมินราคาบ้าน 12,000 หลังค่าใช้จ่ายหลังละ 5,000 บาท รวมประมาณ 60 ล้านบาท และให้เร่งปรับปรุงซ่อมแซมบ้านเพื่อให้ป้องกันเสียงได้เพื่อเป็นบ้านตัวอย่างวงเงิน 25 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 85 ล้านบาท
รอหนังสือ คตส.ก่อนร้องทุกข์
พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมและ ทอท.พร้อมที่จะปฎิบัติตามขั้นตอนในการกล่าวโทษร้องทุกข์ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชี้มูลความผิดในการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์9000ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแต่ยังไม่ได้รับหนังสือการชี้มูลความผิดดังกล่าวจาก คตส.อย่างเป็นทางการทำให้ยังไม่สามารถดำเนินการได้ แต่เชื่อว่าในที่ประชุมบอร์ด ทอท.ครั้งต่อไปจะมีเอกสารหลักฐานครบถ้วนและสามารถเริ่มต้นกระบวนการร้องทุกข์กล่าวโทษได้
พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกในฐานะประธานคณะกรรมการทอท.กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ดทอท.เมื่อวันที่3ม.ค.2550 ที่ผ่านมายังไม่มีการพิจารณาเรื่องการร้องทุกข์กล่าวโทษตามที่คตส.ชี้มูลความผิดในการจัดเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดเนื่องจากกรรมการจะต้องรอรวบรวมเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์และให้มีความชัดเจนกว่านี้เนื่องจากข้อมูลที่มีอยู่ยังไม่ครบพร้อมกับยืนยันว่าการดำเนินการต่างๆจะไม่หยุดชะงักอย่างแน่นอน
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมกล่าวยอมรับว่า ผลสอบสวนของ คตส.ที่มีการระบุว่าชื่อผู้เกี่ยวข้องรวม 22 คนที่ส่งมายังกระทรวงคมนาคมและต้องการให้ทอท.เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษนั้นในรายละเอียดนั้นพบว่ายังขาดหลักฐานและความชัดเจนในการเอาผิดกับผู้ที่ถูกระบุชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องว่ามีความผิดในประเด็นใดดังนั้นหากมีการเปิดเผยหรือดำเนินการใดๆ จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบเพื่อป้องกันการฟ้องร้องกลับได้
แหล่งข่าวจากทอท.กล่าวว่า การที่ทางทอท.ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องการร้องทุกข์กล่าวโทษตามที่คตส.ได้มีการชี้มูลความผิดและให้ทอท.ฟ้องร้องเอาผิดกับพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรมว.คมนาคมพร้อมพวกอีก22 คน เนื่องจากหลักฐานในการเอาผิดยังไม่ชัดเจนในเรื่องของฐานความผิดที่เกิดขึ้นและต้องการหนังสือรับรองเป็นลายลักษณ์อักษรจากคตส.และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่เข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้โดยเฉพาะประเด็นรายละเอียดของมูลความผิดของผู้ที่มีชื่อเกี่ยวข้องหากยังไม่ชัดเจนก็ไม่น่าจะมีการระบุชื่อแต่ให้ตั้งเป็นข้อสังเกตสอบสวนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องก่อน
แหล่งข่าวจากทอท.กล่าวว่า ในที่ประชุมทอท.ได้มีการประชุมลับเฉพาะกรรมการมช้เวลาประมาณ 20 นาทีในการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือและสอบถามความเห็นจากที่ประชุมซึ่งกรรมการต่าเงห็นตรงกันว่าว่าบอร์ด ทอท.จะต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งหลังจากที่คตส.ได้การชี้มูลความผิดออกมาแล้ว แต่ก่อนอื่นจะต้องขอเอกสารหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรหรือหนังสือยืนยันผลการสอบสวนจาก คตส.และ สตง.ว่าได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างไรบ้างและมีรายละเอียดข้อมูลหลักฐานชัดเจนซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้นายคำภีร์ แก้วเจริญ อัยการสูงสุด ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายได้พิจารณาตรวจสอบในเรื่องนี้ และหากมีการเอาผิดกล่าวโทษก็เป็นหน้าที่ของนายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ของ ทอท. จากนั้นจะมีการพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้งในการประชุมวันที่ 11 ม.ค.นี้เวลา 16.00 น.
|