Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน4 มกราคม 2550
ธุรกิจอสังหาฯรับมือ'ระเบิดป่วนกรุง'รอจังหวะเปิดโครงการใหม่-หวั่นม.ค.ยอดซื้อบ้านชะลอ             
 


   
search resources

อธิป พีชานนท์
Real Estate




ขึ้นปีใหม่ฤกษ์ไม่ดี ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หนักใจ"ระเบิดป่วนกรุง" อาจต้องตัดสินใจชะลอเปิดโครงการใหม่ช่วง1-2เดือน รอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ชี้ระเบิดมีผลต่อจิตวิทยาผู้ซื้อบ้านในช่วงสั้น ภายใต้รัฐบาลต้องควบคุมได้ ด้านที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาฯ "เอเจนซี่" ระวังน้ำมันแพงขึ้น หากกรณีนายซัดดัม โลกมุสลิมขยายผลต่อ!! "ขรรค์ ประจวบเหมาะ"เชื่อเป็นกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ทางการเมือง หลังการปฎิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา

นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยถึงเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2549 ที่ผ่านมาว่า ในเดือนมกราคม 2550 จะมีผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ความรู้สึกของผู้ซื้อลังเลและกังวลใจ โดยเฉพาะจะไปกระทบต่อธุรกิจอื่นๆ อาทิ ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจโรงภาพยนตร์ ธุรกิจโรงแรม เป็นต้น เนื่องจากประชาชนจะยังคงกังวลต่อเหตุการณ์ดังกล่าว อีกทั้งหากเรื่องที่เกิดขึ้นไม่คลี่คลายลงไป ก็มีผลให้ชาวต่างชาติที่เป็นทั้งนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ หรือบริษัทที่เลือกไทยเป็นศูนย์สัมมนา ก็อาจจะลังเลหรือยกเลิกเข้ามาประเทศไทย

"เราหวังรัฐบาลจัดการสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้จบโดยเร็ว ควรทำประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติเข้าใจว่า ปัญหาของไทยไม่ถูกมองเหมือนกับอินโดนีเซีย "

ในด้านผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ก็คาดว่าผู้ซื้อที่สามารถรอได้ จะตัดสินใจชะลอการซื้อออกไป เนื่องจากต้องการประเมินว่า เหตุการณ์ทั้งหมดจะส่งผลกระทบภาพเศรษฐกิจและรายได้ของคนที่ทำงานอย่างไรบ้าง แต่จะมีบางส่วนตัดสินใจซื้อ เพราะมีความจำเป็นในการหาที่อยู่อาศัย

" ไม่ต้องห่วงผู้ประกอบการ เพราะเราเป็นนักธุรกิจ เป็นผู้ลงทุน แต่สิ่งที่เราวิตกคือ เกรงว่า หากมีผลกระทบกับผู้ซื้อบ้านแล้ว ภาคเอกชนอาจต้องทบทวนแผนการลงทุนโครงการใหม่ๆก็ได้ ส่วนผู้ประกอบการที่ลงทุนพัฒนาโครงการไปแล้ว ก็ต้องเดินหน้าต่อไป อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่เน่าไม่เปื่อย แต่ถ้าคนไม่เดินห้างสรรพสินค้าแค่วันเดียว ก็เจ๊งแล้ว "นายอธิปกล่าว

จับตาโครงการใหม่ต้นปีเลื่อนเปิด

นายอิสระ บุญยัง อุปนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า จริงๆแล้ว ปัจจัยเกี่ยวเนื่องกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่า อัตราดอกเบี้ยก็ปรับตัวดีขึ้น ราคาน้ำมันค่อยๆทรงตัว และอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงมา แต่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา กับมีปัจจัยเข้ามากระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งเรื่องมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)การกันสำรองเงิน 30% ล่าสุดการลอบวางระเบิดเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ทำให้กระทบต่อจิตวิทยากับภาคธุรกิจ ประชาชน และชาวต่างชาติ

"มีโอกาสที่บริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เตรียมเปิดโครงการใหม่ในช่วง2เดือนนี้ อาจชะลอการลงทุนออกไป ภาวะการขายอาจจะยืดออกไปอีก เพราะทุกคนจะรอ ไม่รู้จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลเริ่มถูกสั่นคลอน"นายอิสระกล่าว

ในส่วนของภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2550 อุปนายกฯกล่าวว่า ในระยะที่ผ่านมาผู้ประกอบการมีการปรับตัวให้เข้ากับภาวะตลาดและทิศทางของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งในปีนี้มีแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีความสมดุล ส่วนของยอดการจดทะเบียนในปีที่ผ่านมา จากประเมินคาดว่าจะใกล้ระดับ 80,000 หน่วย เติบโตขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปี 2548 ที่มียอดจดทะเบียน 72,000 หน่วย สาเหตุที่ยอดจดทะเบียนไม่ลดลง เพราะมีโครงการคอนมิเนียมเกิดขึ้นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ในปี 2550 หากตัวเลขใกล้เคียงกับปี 2549 ก็น่าจะพอใจ แม้มูลค่าโครงการอสังหาริมทรัพย์โดยรวมจะลดลงก็ตาม

นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการ บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) กล่าวว่าในช่วงสั้นจะส่งผลกระทบบ้าง ทำให้ผู้ประกอบการและผู้ซื้อชะลอการลงทุนและซื้อที่อยู่อาศัยออกไป แต่ที่ต้องระวังคือ ปริมาณเงินลงทุนจากต่างประเทศจะเข้าสู่ประเทศไทยน้อยลง ผลข้างเคียงก็คือ อัตราดอกเบี้ยในตลาดอาจจะไม่ปรับตัวลดลง แต่จะทำให้อัตราดอกเบี้ยแพงขึ้นได้ เนื่องจากยังกังวลต่อมาตรการกันเงินสำรอง 30%

"ยังไม่มีความชัดเจนในหลายด้าน เรื่องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ รัฐบาลจะได้เลือกตั้งภายในปีนี้หรือไม่ เรื่องของราคาน้ำมันก็ควรมองข้าม หากกรณีแขวนคอนายซัดดัม ก่อให้โลกมุสลิมต่อต้านอย่างแรง อาจจะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดผันผวนก็ได้ ตรงนี้น่าเป็นห่วง" นายวสันต์กล่าวและชี้ว่า

เมื่อประมวลข้อมูลการเปิดโครงการใหม่แล้ว พบว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2547 (ม.ค.-ก.พ.)มีจำนวน 7,000-8,000 หน่วย ปี 2548 มีจำนวน 4,000-6,000 หน่วย ส่วนในช่วงปี 2549 ประมาณเดือนมี.ค.-เม.ย. เป็นระยะที่ไม่มีรัฐบาลใหม่มาจากการเลือกตั้ง ทำให้โครงการใหม่ที่รอเปิดในแต่ละเดือนชะลอการเปิดโครงการเพิ่มจาก 80 โครงการเป็น 120 โครงการ ซึ่งตัวเลขในไตรมาสแรกของปีนี้ ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า จะเปลี่ยนแปลงไปลดลงไปอย่างไร แต่เมื่อพิจารณาวงจรวัฎจักรแล้ว โครงการใหม่น่าจะเปิดตัวลดลง

"ฝีมือคนเสียผลประโยชน์ทางการเมือง "

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดป่วนทั่วเมืองกรุงเทพฯว่า น่าจะเป็นฝีมือของคนที่เสียผลประโยชน์จากการปฎิรูปการเมืองเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ซึ่งบางคนกำลังจะได้ดีในหน้าที่การงาน การปฏิรูปการเมืองทำให้ชีวิตของเค้าเปลี่ยนไปในทางที่ทดถอยลงไป จึงไม่พอใจและก่อเหตุการณ์ไม่สงบขึ้น

“การปฏิวัติอาจทำให้เส้นทางชีวิตของบางคนเปลี่ยนไป บางคนกำลังจะได้ดี ก็ต้องเสียผลประโยชน์ หรือโดนหักหลัง แต่ไม่ยุติธรรม ที่เอาประชาชนมาเป็นเครื่องมือรองรับอารมณ์ สมัยก่อนอังกฤษเกิดระเบิดไปทั่วแต่ทุกคนยังอยู่ได้ ไปอยู่ตรงไหนก็มีระเบิด แต่เค้าก็ผ่านมาได้ ไม่ได้เลวร้ายมากมากนัก เมื่อไปถามนักท่องเที่ยวก็มองว่าไปที่ไหนก็มีระเบิดทั้งนั้นเค้าก็ไม่กังวลมาก” นายขรรค์กล่าว

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นเพียงระยะสั้น เพราะคนไทยเป็นคนพุทธรักความสงบ นอกจากนี้ไทยยังไม่เคยเกิดเหตุระเบิดป่วนทั่วเมืองกรุง แต่หากไปดูในต่างประเทศแล้วทั้งในอังกฤษ ,ยุโรป ,อเมริกา เกิดขึ้นหมด ทำให้เค้าคิดว่าเป็นเหตุการณ์ปกติ ส่วนเศรษฐกิจไทยจะกระทบมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนต่างชาติ เพราะถึงอย่างไรแล้วทุกอย่างก็ต้องเดินหน้า ต้องดำเนินธุรกิจต่อไป คนต้องกินต้องใช้

ด้านนายสัมมา คีตสิน รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. กล่าวว่า เหตุระเบิดจะกระทบในด้านจิตวิทยาของคนเท่านั้น เพราะปัญหาจริงๆแล้วไม่ใช่เป็นการระเบิดหวังชีวิตแต่เป็นเรื่องของการเมืองมากกว่าถ้าให้เทียบปัญหาที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้กับชุดที่แล้ว ปัญหาช่วงรัฐบาลชุดที่แล้วน่ากลัวกว่า เพราะเกิดขึ้นตลอดทั้งปี และมีความหมิ่นแหม่ที่จะปะทะกันด้วยกำลังหลายต่อหลายครั้ง แต่ในรัฐบาลชุดนี้เชื่อว่าจะไม่เกิดการปฏิวัติแย่งอำนาจ แต่จะเป็นลักษณะของการก่อกวน การต่อสู้ทางความคิด ไม่รุนแรงเหมือนกับปีที่แล้ว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us