ขึ้นปีใหม่ฤกษ์ไม่ดี ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หนักใจ"ระเบิดป่วนกรุง" อาจต้องตัดสินใจชะลอเปิดโครงการใหม่ช่วง1-2เดือน รอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ชี้ระเบิดมีผลต่อจิตวิทยาผู้ซื้อบ้านในช่วงสั้น ภายใต้รัฐบาลต้องควบคุมได้ ด้านที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาฯ "เอเจนซี่" ระวังน้ำมันแพงขึ้น หากกรณีนายซัดดัม โลกมุสลิมขยายผลต่อ!! "ขรรค์ ประจวบเหมาะ"เชื่อเป็นกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ทางการเมือง หลังการปฎิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยถึงเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2549 ที่ผ่านมาว่า ในเดือนมกราคม 2550 จะมีผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ความรู้สึกของผู้ซื้อลังเลและกังวลใจ โดยเฉพาะจะไปกระทบต่อธุรกิจอื่นๆ อาทิ ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจโรงภาพยนตร์ ธุรกิจโรงแรม เป็นต้น เนื่องจากประชาชนจะยังคงกังวลต่อเหตุการณ์ดังกล่าว อีกทั้งหากเรื่องที่เกิดขึ้นไม่คลี่คลายลงไป ก็มีผลให้ชาวต่างชาติที่เป็นทั้งนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ หรือบริษัทที่เลือกไทยเป็นศูนย์สัมมนา ก็อาจจะลังเลหรือยกเลิกเข้ามาประเทศไทย
"เราหวังรัฐบาลจัดการสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้จบโดยเร็ว ควรทำประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติเข้าใจว่า ปัญหาของไทยไม่ถูกมองเหมือนกับอินโดนีเซีย "
ในด้านผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ก็คาดว่าผู้ซื้อที่สามารถรอได้ จะตัดสินใจชะลอการซื้อออกไป เนื่องจากต้องการประเมินว่า เหตุการณ์ทั้งหมดจะส่งผลกระทบภาพเศรษฐกิจและรายได้ของคนที่ทำงานอย่างไรบ้าง แต่จะมีบางส่วนตัดสินใจซื้อ เพราะมีความจำเป็นในการหาที่อยู่อาศัย
" ไม่ต้องห่วงผู้ประกอบการ เพราะเราเป็นนักธุรกิจ เป็นผู้ลงทุน แต่สิ่งที่เราวิตกคือ เกรงว่า หากมีผลกระทบกับผู้ซื้อบ้านแล้ว ภาคเอกชนอาจต้องทบทวนแผนการลงทุนโครงการใหม่ๆก็ได้ ส่วนผู้ประกอบการที่ลงทุนพัฒนาโครงการไปแล้ว ก็ต้องเดินหน้าต่อไป อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่เน่าไม่เปื่อย แต่ถ้าคนไม่เดินห้างสรรพสินค้าแค่วันเดียว ก็เจ๊งแล้ว "นายอธิปกล่าว
จับตาโครงการใหม่ต้นปีเลื่อนเปิด
นายอิสระ บุญยัง อุปนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า จริงๆแล้ว ปัจจัยเกี่ยวเนื่องกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่า อัตราดอกเบี้ยก็ปรับตัวดีขึ้น ราคาน้ำมันค่อยๆทรงตัว และอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงมา แต่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา กับมีปัจจัยเข้ามากระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งเรื่องมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)การกันสำรองเงิน 30% ล่าสุดการลอบวางระเบิดเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ทำให้กระทบต่อจิตวิทยากับภาคธุรกิจ ประชาชน และชาวต่างชาติ
"มีโอกาสที่บริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เตรียมเปิดโครงการใหม่ในช่วง2เดือนนี้ อาจชะลอการลงทุนออกไป ภาวะการขายอาจจะยืดออกไปอีก เพราะทุกคนจะรอ ไม่รู้จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลเริ่มถูกสั่นคลอน"นายอิสระกล่าว
ในส่วนของภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2550 อุปนายกฯกล่าวว่า ในระยะที่ผ่านมาผู้ประกอบการมีการปรับตัวให้เข้ากับภาวะตลาดและทิศทางของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งในปีนี้มีแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีความสมดุล ส่วนของยอดการจดทะเบียนในปีที่ผ่านมา จากประเมินคาดว่าจะใกล้ระดับ 80,000 หน่วย เติบโตขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปี 2548 ที่มียอดจดทะเบียน 72,000 หน่วย สาเหตุที่ยอดจดทะเบียนไม่ลดลง เพราะมีโครงการคอนมิเนียมเกิดขึ้นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ในปี 2550 หากตัวเลขใกล้เคียงกับปี 2549 ก็น่าจะพอใจ แม้มูลค่าโครงการอสังหาริมทรัพย์โดยรวมจะลดลงก็ตาม
นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการ บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) กล่าวว่าในช่วงสั้นจะส่งผลกระทบบ้าง ทำให้ผู้ประกอบการและผู้ซื้อชะลอการลงทุนและซื้อที่อยู่อาศัยออกไป แต่ที่ต้องระวังคือ ปริมาณเงินลงทุนจากต่างประเทศจะเข้าสู่ประเทศไทยน้อยลง ผลข้างเคียงก็คือ อัตราดอกเบี้ยในตลาดอาจจะไม่ปรับตัวลดลง แต่จะทำให้อัตราดอกเบี้ยแพงขึ้นได้ เนื่องจากยังกังวลต่อมาตรการกันเงินสำรอง 30%
"ยังไม่มีความชัดเจนในหลายด้าน เรื่องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ รัฐบาลจะได้เลือกตั้งภายในปีนี้หรือไม่ เรื่องของราคาน้ำมันก็ควรมองข้าม หากกรณีแขวนคอนายซัดดัม ก่อให้โลกมุสลิมต่อต้านอย่างแรง อาจจะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดผันผวนก็ได้ ตรงนี้น่าเป็นห่วง" นายวสันต์กล่าวและชี้ว่า
เมื่อประมวลข้อมูลการเปิดโครงการใหม่แล้ว พบว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2547 (ม.ค.-ก.พ.)มีจำนวน 7,000-8,000 หน่วย ปี 2548 มีจำนวน 4,000-6,000 หน่วย ส่วนในช่วงปี 2549 ประมาณเดือนมี.ค.-เม.ย. เป็นระยะที่ไม่มีรัฐบาลใหม่มาจากการเลือกตั้ง ทำให้โครงการใหม่ที่รอเปิดในแต่ละเดือนชะลอการเปิดโครงการเพิ่มจาก 80 โครงการเป็น 120 โครงการ ซึ่งตัวเลขในไตรมาสแรกของปีนี้ ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า จะเปลี่ยนแปลงไปลดลงไปอย่างไร แต่เมื่อพิจารณาวงจรวัฎจักรแล้ว โครงการใหม่น่าจะเปิดตัวลดลง
"ฝีมือคนเสียผลประโยชน์ทางการเมือง "
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดป่วนทั่วเมืองกรุงเทพฯว่า น่าจะเป็นฝีมือของคนที่เสียผลประโยชน์จากการปฎิรูปการเมืองเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ซึ่งบางคนกำลังจะได้ดีในหน้าที่การงาน การปฏิรูปการเมืองทำให้ชีวิตของเค้าเปลี่ยนไปในทางที่ทดถอยลงไป จึงไม่พอใจและก่อเหตุการณ์ไม่สงบขึ้น
“การปฏิวัติอาจทำให้เส้นทางชีวิตของบางคนเปลี่ยนไป บางคนกำลังจะได้ดี ก็ต้องเสียผลประโยชน์ หรือโดนหักหลัง แต่ไม่ยุติธรรม ที่เอาประชาชนมาเป็นเครื่องมือรองรับอารมณ์ สมัยก่อนอังกฤษเกิดระเบิดไปทั่วแต่ทุกคนยังอยู่ได้ ไปอยู่ตรงไหนก็มีระเบิด แต่เค้าก็ผ่านมาได้ ไม่ได้เลวร้ายมากมากนัก เมื่อไปถามนักท่องเที่ยวก็มองว่าไปที่ไหนก็มีระเบิดทั้งนั้นเค้าก็ไม่กังวลมาก” นายขรรค์กล่าว
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นเพียงระยะสั้น เพราะคนไทยเป็นคนพุทธรักความสงบ นอกจากนี้ไทยยังไม่เคยเกิดเหตุระเบิดป่วนทั่วเมืองกรุง แต่หากไปดูในต่างประเทศแล้วทั้งในอังกฤษ ,ยุโรป ,อเมริกา เกิดขึ้นหมด ทำให้เค้าคิดว่าเป็นเหตุการณ์ปกติ ส่วนเศรษฐกิจไทยจะกระทบมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนต่างชาติ เพราะถึงอย่างไรแล้วทุกอย่างก็ต้องเดินหน้า ต้องดำเนินธุรกิจต่อไป คนต้องกินต้องใช้
ด้านนายสัมมา คีตสิน รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. กล่าวว่า เหตุระเบิดจะกระทบในด้านจิตวิทยาของคนเท่านั้น เพราะปัญหาจริงๆแล้วไม่ใช่เป็นการระเบิดหวังชีวิตแต่เป็นเรื่องของการเมืองมากกว่าถ้าให้เทียบปัญหาที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้กับชุดที่แล้ว ปัญหาช่วงรัฐบาลชุดที่แล้วน่ากลัวกว่า เพราะเกิดขึ้นตลอดทั้งปี และมีความหมิ่นแหม่ที่จะปะทะกันด้วยกำลังหลายต่อหลายครั้ง แต่ในรัฐบาลชุดนี้เชื่อว่าจะไม่เกิดการปฏิวัติแย่งอำนาจ แต่จะเป็นลักษณะของการก่อกวน การต่อสู้ทางความคิด ไม่รุนแรงเหมือนกับปีที่แล้ว
|