สรุปเงินเฟ้อปีหมาสูงขึ้น 4.7% เป็นไปตามคาด แม้จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันในช่วงครึ่งปีแรก แต่มาตรการดูแลสินค้าของพาณิชย์ได้ผล คุมได้อยู่หมัด “การุณ”ตั้งเป้าเงินเฟ้อปีหมู 2.5-3.5% หลังประเมินไม่มีแรงกดดันต่อราคาสินค้า

นายการุณ กิตติสถาพร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรือเงินเฟ้อ เดือนธ.ค.2549 เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.2549 ลดลง 0.1% เทียบกับเดือนธ.ค.2548 สูงขึ้น 3.5% และเฉลี่ยทั้งปี (ม.ค.-ธ.ค.) เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วสูงขึ้น 4.7% ซึ่งเป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้ว่าเงินเฟ้อทั้งปี 2549 จะอยู่ในระดับ 4.6-4.8% โดยเป็นการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม 4.6% และหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม 4.6%

“เงินเฟ้อปี 2549 เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรก ดัชนีจะมีอัตราสูงค่อยข้างมาก จากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า ค่ารถ ผักสด และผลไม้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง รวมทั้งราคาน้ำตาลทราย น้ำอัดลม สินค้าบริการบางรายการ เพราะเป็นการเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2548 ที่เป็นช่วงตรึงราคาน้ำมัน แต่พอครึ่งปีหลัง เป็นช่วงที่ได้ลอยตัวน้ำมันแล้ว ฐานเปรียบเทียบเลยไม่สูง ประกอบกับราคาน้ำมันช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มลดลง แรงกดดันต่อเงินเฟ้อจึงอ่อนตัวลง ขณะเดียวกันเป็นเพราะมาตรการบริหารจัดการสินค้าของกระทรวงพาณิชย์ได้ผลดี”นายการุณกล่าว

ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานของประเทศ ที่หักรายการสินค้ากลุ่มอาหารสดและสินค้ากลุ่มพลังงานสัดส่วน 24% ของสัดส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมด เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.2549 ไม่เปลี่ยนแปลง เทียบกับเดือนธ.ค.2549 สูงขึ้น 1.5% และเฉลี่ยทั้งปี สูงขึ้น 2.3%

นายการุณกล่าวว่า สำหรับเป้าหมายเงินเฟ้อของไทยในปี 2550 นี้ กระทรวงพาณิชย์คาดว่าจะอยู่ในระดับ 2.5-3.5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่มี่ตรงกับสำนักใดเลย โดยพิจารณาจากการคาดการณ์ว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่ 4.5% อัตราแลกเปลี่ยน 35-36 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ดอกเบี้ยอาร์พี 14 วัน ที่ 4.0-4.5% ราคาน้ำมันดิบดูไบ 60-65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศทั้งเบนซิน 95 91 และดีเซลเฉลี่ย 26.12-28.60 บาทต่อลิตร

“เป้าเงินเฟ้อปีนี้ ไม่น่าเป็นห่วง เพราะสถานการณ์ราคาสินค้าไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากแรงกดดันจากราคาน้ำมันไม่มีแล้ว และกระทรวงพาณิชย์ก็มีนโยบายในการดูแลภาวะราคาสินค้าชัดเจน โดยในการขอปรับราคาสินค้า จะมีการพิจารณาต้นทุนอย่างละเอียด และต้องมีหลักฐานประกอบชัดเจน หากเห็นว่าจำเป็นต้องขึ้น ก็จะพิจารณาให้ขึ้นได้ แต่หากเห็นว่าไม่จำเป็นก็จะไม่อนุมัติให้ปรับราคา”นายการุณกล่าว

นายการุณกล่าวอีกว่า กรณีเกิดเหตุระเบิดหลายจุดในกรุงเทพฯ คงเกิดขึ้นครั้งเดียวและหายไป น่าจะเป็นการทำเพื่อข่มขวัญหรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่ ไม่น่าจะมีผลระยะยาว ไม่มีผลต่อภาวะราคาสินค้า และเงินเฟ้อ โดยเห็นว่าน่าจะเป็นเพียงระยะสั้นและไม่กระทบเศรษฐกิจในระยะยาว แต่หากต่อเนื่องอาจมีผลทำให้คนตระหนกและรีบซื้อสินค้า ซึ่งคงไม่น่าจะเกิดขึ้น