|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
วิบากกรรมพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ปีหมูไฟ หลังธปท.ประกาศมาตรการสกัดเก็งกำไรค่าบาท สั่งต่างชาติกันสำรอง 30% ต่างชาติแตกกระเจิง ผสมโรงเหตุลอบวางบึ้ม!กลางกรุงช่วงปีใหม่ บิ๊ก CPN แตะเบรกแผนเพิ่มทุน 7.17 พันลบ.เข้า CPNRF ขณะที่นายกสมาคมบลจ.ต่อสายตรงรมว.คลังอ้อนผ่อนปรนมาตรการ สุดท้ายแห้ว ต้องรอประเมินผลมาตรการ 3-6 เดือน ขณะที่"กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เจซี"ของค่ายพรีมาเวสท์ เข้าเทรดวันแรกศุกร์นี้ ลุ้นระทึกไม่หลุดจอง
นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการเงินและบัญชี บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN) เปิดเผยว่า แผนการเพิ่มทุน 7.17 พันล้านบาท เข้าในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทลโกรท (CPNRF) ว่า คงต้องมีการชะลอออกไปก่อน หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการออกมาตรการกันสำรอง 30% สำหรับนักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาลงทุน โดยจากการที่มีนักลงทุนต่างประเทศส่วนใหญ่เข้าถือในกองทุนนี้จึงทำให้ได้รับผลกระทบ
'แผนเพิ่มทุนครั้งนี้คงต้องล่าช้าออกไป โดยบริษัทฯ กำลังดูอยู่ว่าจะระดมทุนผ่านทางอื่น เช่นการกู้ยืม หรือไม่ แต่ตอนนี้รอประเมินสถานการณ์จากแบงก์ชาติว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการตั้งสำรอง 30% หรือไม่' นายนริศ กล่าว
นายนริศ กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุลอบวางระเบิดทั่วกรุงเทพฯว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบกับบริษัทฯ เนื่องจากมีปริมาณลูกค้าที่ลดลงจากความกังวล และหวาดระแวงต่อความไม่ปลอดภัย โดยเบื้องต้นได้สำรวจพบว่าประมาณลูกค้าที่ใช้บริการห้างสรรพสินค้าหายไป 20% แต่ยังมั่นใจว่ามาตรการของภาครัฐที่ออกมาอย่างเข้มงวดจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นลูกค้ากลับมาโดยเร็ว
'เมื่อช่วงวันที่ 1 และวันที่ 2 มกราคม ยอมรับว่าลูกค้าหายไประดับหนึ่งประมาณ 10-20% ได้ แต่เชื่อว่าจะเป็นผลกระทบแค่ระยะสั้นเท่านั้น เพราะในที่สุดสถานการณ์คลี่คลายความมั่นใจก็จะกลับคืนมา' นายนริศ กล่าว
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทจัดหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า มาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทของธปท. ส่งผลกระทบกับตลาดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมาก เพราะต้องยอมรับว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ต้องพึ่งพาเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว
"แผนการเพิ่มทุนของ CPNRF อาจต้องเลื่อนไป เพราะต้องยอมรับว่านักลงทุนรายใหญ่ที่ลงทุนคือ นักลงทุนต่างชาติ" นางโชติกากล่าว
แหล่งข่าวจากวงการกองทุน กล่าวว่า หลังจากที่ธปท.ออกมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ในฐานะนายกสมาคมบลจ. ได้ติดต่อทางโทรศัพท์ เพื่อชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนของต่างชาติผ่านกองทุนรวม และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการออกมาตรการของธปท. กับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อย่างไรก็ตาม รมว.คลังยืนยันว่าจะยังไม่มีการแก้ไขหลักเกณฑ์การกันสำรอง 30% สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนผ่านกองทุนรวม โดยจะรอประเมินผลในช่วง 3-6 เดือน
"ในช่วงครึ่งปีแรก การระดมทุนผ่านการออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์คงเป็นไปได้ยากมาก โดยเฉพาะกองทุนที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากลูกค้ารายใหญ่ที่ลงทุนเป็นนักลงทุนต่างชาติ ที่กระจายการลงทุนมายังกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังการประกาศมาตรการของธปท. ได้ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนเป็นอย่างมาก" แหล่งข่าวกล่าว ขณะที่นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บลจ.พรีมาเวสท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทเตรียมนำ
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เจซี (JCP) เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันศุกร์ที่ 5 มกราคม นี้ เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการลอบวางระเบิดในกรุงเทพ เนื่องจากกองทุนมีขนาดเล็ก การซื้อขายในวันแรกไม่น่าจะคึกคักมาก
สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เจซีคือการลงทุนโดยการเช่าอาคารสำนักงาน คือ อาคารเจซี เควิน ทาวเวอร์ เอ (JC Kevin Tower A) บางส่วน ยกเว้นพื้นที่ชั้น 16 - 19 ชั้นดาดฟ้า และพื้นที่จอดรถจำนวน 163 คัน เป็นระยะเวลา 30 ปี และมีสิทธิที่จะต่ออายุสัญญาเช่าได้อีก 5 ปี โดยอาคารเจซี เควิน ทาวเวอร์ เอ ตั้งอยู่เลขที่ 26 ซอยพิชัย ถนนนราธิวาสราชนครินทร์แขวงยานนาวา เขตสาทรกรุงเทพมหานคร 10120ซึ่งถือเป็นเขตพื้นที่ทางธุรกิจหลักที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร
กรรมการผู้จัดการบลจ.พรีมาเวสท์ กล่าวถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทว่า บริษัทเตรียมปรับแผนการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ใหม่ จากเดิมเตรียมเปิดขายหน่วยลงทุนในไตรมาสแรกของปีนี้มูลค่าโครงการประมาณ 4 พันล้านบาท อาจต้องเลื่อนออกไปเป็นช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้
"สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่มีขนาดเล็ก กำลังซื้อของนักลงทุนสถาบันภายในประเทศอาจพอเพียง แต่สำหรับกองที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งต้องพึ่งมาเงินลงทุนจากต่างชาติได้รับผลกระทบเยอะมากจากมาตรการของธปท." นายเพิ่มพลกล่าว
|
|
|
|
|