|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
PYLON คาดปี 50 ผลงานยังเติบโต โดยเฉพาะไตรมาสแรกจะออกมาดี เนื่องจากรับรู้รายได้จากงานที่รับมาช่วงปลายปี49 และงานภาครัฐที่จะทะยอยเข้ามาหลังหยุดชะงักจากการเกิดปฎิรูปการเมือง โดยงานฐานรากที่ส่วนใหญ่จะออกมาจากภาครัฐ เผยหากโครงการรถไฟฟ้าเกิดการเจรจากับพันธมิตรคืบ และขนี้อยู่ระหว่างการดีลงานใหญ่กับบริษัทแห่งหนึ่ง คาดสรุปผลการเจรจาได้เดือนมกราคมนี้ ขณะที่หุ้น 94 ล้านหุ้น ที่เพิ่งผ่านช่วงไซเลนส์พีเรียดเมื่อ 22 ธ.ค.49 ผู้บริหารยันไม่ขายออกเว้นแต่มีเหตุที่ทำให้ต้องเฉือนออกเพื่อประโยชน์ในการทำธุรกิจ
นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) ( PYLON) เปิดเผยว่าปี 50 จะเป็นปีที่บริษัทน่าจะสดใส และมั่นใจว่ารายได้จะไม่ต่ำกว่าปี 49 เพราะหลังความชัดเจนทางการเมืองที่ออกมานั้น น่าจะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบริษัทในปี 50
แม้ว่าปีที่ผ่านมานั้น การปฎิรูปทางการเมืองช่วงปลายปี ทำให้ส่งผลกระทบต่อการเข้าบิดงานของบริษัทและตัวเลขการเงินไตรมาสสุดท้ายปี49 ไม่ดีอย่างที่หวัง เนื่องจากเมื่อเกิดการปฎิรูปทางการเมืองงาน โครงการต่าง ๆ ภาครัฐที่เตรียมงบประมาณออกมาต่างชะลอและหยุดชะงัก ทำให้เกิดการสะดุดช่วงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา เพื่อรอดูทิศทางนโยบายการเมืองคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เพราะงานฐานรากที่เป็นงานอิงกับภาครัฐ ถือเป็นงานหลักของ PYLON ดังนั้น จึงทำให้เกิดผลกระทบต่อการเข้าบิดงานของบริษัท จึงส่งผลต่อผลการดำเนินงานไตรมาสดังกล่าวอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ยังย้ำผลงานทั้งปี 49 ว่าจะไม่พลาดเป้าโดยอยู่ที่ประมาณไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
" เรารอผลจากแผนของคณะกรรมการก่อน และยังไม่ได้ทำการประเมินผลงานปีหน้าว่าเราจะเป็นอย่างไร คงหลังปีใหม่น่าจะให้ความชัดเจนทางการเงินได้ " นายบดินทร์กล่าว
นายบดินทร์กล่าวถึงกรณีที่หุ้นที่หลุดไซเลนต์พีเรียดอีก 94 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 50% เมื่อวันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 49 ที่ผ่านมานั้น ยังคงได้รับการยืนยันจากผู้บริหารว่าจะไม่มีการขายหุ้นจำนวนดังกล่าวออกไป เพราะไม่มีเหตุผลในการขายหุ้นออกไป และมองอนาคตของบริษัทแล้วยังคาดว่าไปได้อีกไกล ซึ่งกรณีที่ผู้ถือหุ้นของ PYLON จะขายหุ้นจำนวนนี้ออกนั้นมีเพียงการเปิดทางให้พันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมทำธุรกิจด้วยกันหรือหากบริษัทต้องการเม็ดเงินทุนเพื่อการลงทุนในการขยายงานของบริษัทเท่านั้น
" ผมมองว่าหากโครงการรถไฟฟ้าเกิดขึ้น และรัฐอนุมัติความชัดเจนออกมา เราก็จะลุยงานนั้น ซึ่งเป็นโอกาสที่เราจะมีงานใหญ่เข้ามา และพันธมิตรที่เรามีการเจรจากันบ้างระดับหนึ่งแล้ว ผมเชื่อว่าเขาก็น่าจะมีการเจรจาอย่างเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ขณะที่งานในมือสำหรับ ณ สิ้นกันยายน 49 อยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท " นายบดินทร์กล่าว
สำหรับปีหน้า PYLON ยังคงเน้นที่งานฐานราก และเชื่อว่าความต้องการของตลาดยังคงมีต่อเนื่อง หลังชะงักมาจากการปฎิรูปทางการเมือง ดังนั้นปีใหม่นี้แผนงานของรัฐต้องมีออกตามปกติ และถือเป็นงานหลักที่ทำเงินให้กับบริษัท ซึ่งปีนี้งานฐานรากจะมีไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีแผนขยายตลาดงานระบบชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูป
ขณะนี้อยู่ระหว่างการดีลงานใหญ่กับบริษัทแห่งหนึ่ง คาดสรุปผลการเจรจาได้เดือนมกราคมนี้ ซึ่งคาดว่าเป็นงานใหญ่ชิ้นหนึ่งของบริษัท และจะเซ็นสัญญาเพื่อรับงานได้ในไตรมาสแรก ดังนั้นจากงานที่ได้มาใหม่ช่วงก่อนสิ้นปี 49 ซึ่งเป็นงานที่บริษัทรับมาประมาณเกือบ 90 ล้านบาท และช่วงไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทจึงมั่นใจว่าผลงานไตรมาสแรกปีนี้จะดีกว่าไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมาแน่นอนและน่าจะเป็นตัวเลขที่ดีด้วย
" มาตรการสกัดค่าเงินบาทที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบง์ชาติออกมาไม่ได้กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท และเชื่อว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนน่าคงกลับเข้าที่มาได้ไม่ยาก เพราะเป็นเพียงช่วงสั้น ๆ เท่านั้น ขณะที่วัตถุดิบบางตัวที่บริษัทนำเข้าอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 49 บริษัทมีกำไรสุทธิเพียง 5.02 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10.85 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้นลดลงจาก 9 สตางค์เหลือ 3 สตางค์ต่อหุ้นเท่านั้น ขณะที่งวด 9 เดือนรายได้จากการรับจ้างเพิ่มขึ้น 257.63 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 139 โดยเพิ่มขึ้นจากรายได้งานก่อสร้างเป็นจำนวนเงิน 171.67 ล้านบาท และจากรายได้งานฐานรากเป็นจำนวนเงิน 85.96 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 46.35 ของรายได้รับจ้างงานฐานราก ซึ่งเป็นผลจากการรับงานภาคเอกชนที่มีค่าวัสดุรวมอยู่ด้วย
|
|
|
|
|