Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 มกราคม 2550
หุ้นกลุ่มพลังงาน"ปีกุน"ซบเซา ต่างชาติเมินหลังราคาน้ำมันลด             
 


   
search resources

Stock Exchange




ต่างชาติยังไม่ลงทุนในตลาดหุ้นไทยฉุดความน่าสนใจหุ้นกลุ่มพลังงาน โบรกฯฟันธงปี 50 ไม่ใช้ปีที่สดใสของหุ้นขนาดใหญ่ คาดผลการดำเนินงานลดลงเหตุราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ขณะที่ยังมีความไม่ชัดเจนหลายเรื่อง โดยเฉพาะกรณีการแปรรูปของ ปตท. ที่ยังต้องรอความตัดสินของศาล

สถานการณ์หุ้นขนาดใหญ่ของตลาดหุ้นไทยในช่วงปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะได้รับผลดีจากการเข้ามาซื้ออย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร วัสดุก่อสร้าง และกลุ่มที่ได้ถือว่านักลงทุนต่างชาติมีบทบาทต่อราคาหุ้นค่อนข้างมาก คือ กลุ่มพลังงาน ผลดีจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะเริ่มเข้าสู่ภาวะการที่ทรงตัว ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานหลายบริษัทต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นบริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท ปตท.ผลิตและสำรวจปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP, บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP, บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เป็นต้น

ทั้งนี้ ด้วยความที่หุ้นในกลุ่มพลังงานมีบทบาทต่อการปรับขึ้นลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยค่อนข้างมาก ความไม่มั่นใจของนักลงทุนต่างชาติต่อมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ประกาศช่วงคืนวันที่ 18 ธ.ค. 49 เกี่ยวกับการสกัดกั้นการเข้ามาเก็งกำไรค่าเงินบาท ด้วยการกันเงินสำรองไว้ 30% ส่งผลต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์ถือว่ารุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทยกว่า 31 ปีที่ผ่านมาโดยในวันดังกล่าวดัชนีอุตสาหกรรมหมวดพลังงานปิดที่ 12,349.15 จุด โดยปรับตัวลดลง 15.89%

อย่างไรก็ตาม มุมมองของนักวิเคราะห์หลายค่ายเกี่ยวกับความน่าสนใจของหุ้นในกลุ่มพลังงานเปลี่ยนแปลงไปจากมุมมองช่วงก่อนเกิดมาตรการธปท.ในวันที่ 19 ธ.ค.

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP เปิดเผยว่า ความน่าสนใจของหุ้นในกลุ่มพลังงานในปี 50 ลดลงจากมาตรการของธนาคารแห่งประเทศ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มปรับเปลี่ยนการลงทุนจากเดิมที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเป็นการเลือกลงทุนในกองทุนพันธบัตร หรือกองทุนตราสารหนี้เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้น

นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มว่าราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานอาจจะปรับตัวลดลงไดอีกเนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศ โดยเฉพาะประเด็นทางการเมืองที่ยังไม่นิ่งส่งผลต่อจิตวิทยาในการลงทุนอย่างแน่นอน รวมถึงความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับกรณีการแปรรูปของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ว่าศาลจะตัดสินในเรื่องดังกล่าวออกมาอย่างไร ซึ่งเรื่องดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในอนาคต โดยบริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานของบมจ.ปตท.ในปีนี้น่าจะมีอัตราการเติบโตที่ลดลง

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าบริษัทประเมินว่าหุ้นพลังงานหลานบริษัทจะปรับตัวลอลงเนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันในปี 2550 จะปรับตัวลดลงโดยสังเกตจากราคาที่เคลื่อนไหวในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา โดยหุ้นที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดในกลุ่ม คือ PTTEP, TOP, และ RRC

ทั้งนี้ การประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันเรื่องการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงวันละ 5 แสนบาร์เรลอาจจะส่งผลทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงสั้นๆเท่านั้น เนื่องจากยังมีอีกหลายประเทศที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันและไม่ได้มีการประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันลง โดยคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันในปีหน้าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 55-56 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือลดลงประมาณ 10% จากราคาที่เคลื่อนไหวในปัจจุบัน

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่มพลังงานในปีนี้จะเติบโตไม่เกิน 1% จากปี 2549 ที่ผ่านมาซึ่งเติบโตประมาณ 9% เนื่องจากรายได้ของบริษัทปรับตัวลดลงค่อนข้างมากจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง โดยบริษัทยังแนะให้ชะลอการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่หุ้น PTT บริษัทแนะนำถือโดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 300 บาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us