Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2536








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2536
"Ecip แหล่งเงินราคาถูกจากยุโรปมาแล้ว"             
 

 
Charts & Figures

ECIP แหล่งเงินราคาถูก


   
search resources

European Community Investment Partners - ECIP
อัศวิน คงสิริ
International
Financing




"เงินทุนเพื่อที่จะเอามาใช้ในการลงทุนในประเทศไทย มันเกินความสามารถในการออมที่เกิดขึ้นภายในประเทศ" เป็นคำกล่าวของเจ้าหน้าที่แบงก์ชาติท่านหนึ่ง ที่กำลังมองถึงปัญหาการลงทุนของไทย

ยิ่งหากจะมองออกไปในวันข้างหน้า การกีดกันทางการค้าด้วยการแบ่งเป็นกลุ่มประเทศไม่ว่าจะเป็นเขตการค้าเสรียุโรป เขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ หรือแม้แต่ในกลุ่มประเทศเอเชียเองก็ตาม นับวันจะเข้มข้นขึ้น ประเทศไทยยิ่งต้องทวีความจำเป็นลงทุนผลิต สินค้าเพื่อการส่งออกใช้เป็นมาตรฐานในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและการกระจายรายได้ของประเทศมากขึ้น

ความต้องการใช้เงินทุนที่มีราคาถูกในการผลิตเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันส่งออกจึงมีความสำคัญมาก

จะเห็นได้ชัดว่าผู้ประกอบการไทยมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินจากต่างประเทศอีกมากมาย เนื่องจากเป็นแหล่งเงินทุน ราคาถูกมากกว่าร้อยละ 3-4% เมื่อเทียบกับแหล่งเงินบาทในประเทศ

เท่าที่ผ่านมาการไหลเข้ามาของแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศจึงมีมากมาย โดยเฉพาะเป็นเงินที่มากับโครงการช่วยเหลือจากต่างประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างอเมริกา ญี่ปุ่น หรือประเทศในประชาคมยุโรป

แหล่งเงินจากต่างประเทศเหล่านั้นไหลเข้ามาใน 2 รูปแบบคือ

หนึ่ง ในรูปของการช่วยเหลือแบบให้เปล่าประเทศกำลังพัฒนาระหว่างภาครัฐบาลต่อรัฐบาล เช่นเงินให้เปล่าที่ให้ผ่านมาทางกรมวิเทศสหการของกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อนำมาใช้ในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของหน่วยราชการต่างๆ

สอง แหล่งเงินจากสถาบันการเงินต่างประเทศที่ให้ความช่วยเหลือผ่านมาทางสถาบันการเงินของรัฐ เช่น แบงก์กรุงไทยเพื่อสนับสนุนการลงทุนในโครงการลงทุนสาธารณูปโภคของรัฐบาล ซึ่งให้กู้โดยอัตราดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) หรือจะเป็นสถาบันการเงินที่มีหน้าที่หาเงินราคาถูกจากต่างประเทศ เช่น สถาบัน KfW ของเยอรมนี เพื่อนำมาส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมในประเทศ อย่างบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IFCT)

ล่าสุด "ผู้จัดการ" ทราบว่าประชาคมยุโรป หรือ EC ก็ได้เสนอโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินอีกโครงการหนึ่งภายใต้ชื่อ European Community Investment Partners (ECIP) โดยผ่าน IFCT

ECIP ได้ส่งคณะผู้แทนประกอบด้วย ทอม โร หัวหน้าฝ่ายกิจการผู้ร่วมลงทุนของประชาคมยุโรป ดี.เดอกูตูร์ ที่ปรึกษาฝ่ายฯ กับเจ้าหน้าที่และตัวแทนของผู้ร่วมทุนซึ่งเป็นเอกชนอีกจำนวนหนึ่ง มาจัดสัมมนาร่วมกับบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IFCT) เพื่อให้ความรู้แก่บรรดานักธุรกิจนักลงทุนชาวไทย ถึงการให้เงินช่วยเหลือของ ECIP เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2535

รายละเอียดของการสัมมนาดังกล่าวได้พูดถึงวัตถุประสงค์ของ ECIP ว่าเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง ที่ประชาคมยุโรปให้ความช่วยเหลือสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมของประเทศที่กำลังพัฒนาทั้งในละตินอเมริกา เอเชีย หรือกลุ่มประเทศในเมดิเตอร์เรเนียน

โครงการ ECIP ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2531 มีศูนย์กลางการบริหารอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม และได้กระจายอำนาจการดำเนินการผ่านสถาบันการเงิน หอการค้า และสถาบันส่งเสริมการลงทุนของแต่ละประเทศที่เป็นเครือข่าย ซึ่งมีอยู่ทั้งในกลุ่มประชาคมยุโรป เอเชีย ละตินอเมริกา และกลุ่มประเทศในเมดิเตอร์เรเนียน

ในรายละเอียดภายใต้โครงการ ECIP กล่าวโดยสรุปนั้นมีหลักเกณฑ์คือว่า จะให้การสนับสนุนช่วยเหลือทางด้านการเงินกับโครงการ หรือการร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมระหว่างนักลงทุนชาวไทยกับนักลงทุนในกลุ่มประเทศประชาคมยุโรป

ในเงื่อนไขของการให้เงินช่วยเหลือ ทั้งที่เป็นเงินอุดหนุนให้เปล่า เงินกู้ระยะยาวทั้งปลอดดอกเบี้ยและมีดอกเบี้ยต่ำ ตลอดจนถึงร่วมลงทุน

โดยทั้งนี้จะแบ่งระยะของโครงการสนับสนุนทางการเงินออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน โดยมีเงื่อนไขว่าเจ้าของโครงการต้องออกเงินเองส่วนหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อความมั่นคงของโครงการนั้นๆ

ระยะที่หนึ่งของโครงการคือ การสนับสนุนค่าใช้จ่ายการจัดหารผู้ร่วมลงทุน ชนิดของเงินที่จะให้การสนับสนุน คือเป็นเงินอุดหนุนให้เปล่า ซึ่งขั้นแรกนี้จะให้สิทธิเฉพาะสถาบันการเงิน หอการค้า สมาคม และหน่วยงานของรัฐ

การสนับสนุนในขั้นตอนนี้มีวงเงินให้เปล่า ไม่เกิน 50% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด สูงสุดไม่เกิน 100,000 อี.ซี.ยู. (ประมาณ 3,00,000 บาท)

ระยะที่สองคือการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการตั้งแต่ขั้นเตรียมการจนถึงการจัดตั้งโครงการร่วมทุน ชนิดของเงินที่จะให้การสนับสนุนคือเป็นเงินกู้ไม่มีดอกเบี้ย

ผู้มีสิทธิขอการสนับสนุนคือบุคคลหรือกิจการที่สนใจจะลงทุนในลักษณะของการร่วมลงทุนนั้นคือหลังจากสถาบันต่างๆ ที่ได้มีการเลือกสรรอุตสาหกรรมหรือนักลงทุนแล้วหรือเป้นเอกชนที่ได้มีการติดต่อเจรจาที่จะร่วมลงทุนกัน

โดยลักษณะของการดำเนินงานที่เข้าข่ายการขอสนับสนุนกล่าวคือ

1) การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ การศึกษาทางด้านการตลาดและการวางแผนุรกิจ

2) การจัดตั้งโครงการทดลองการผลิตสินค้าที่เรียกว่าไพล้อต โปรเจ็กต์ (Pilot Production Unit)

สำหรับวงเงินให้การสนับสนุน คือ ไม่เกิน 50% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด หรือสูงสุดไม่เกิน 250,000 อี.ซี.ยู. (ประมาณ 7,500,000 บาท) แต่หากว่าหลังจากการศึกษาโครงการไปแล้วนั้นไม่สัมฤทธิผลก็จะไม่เรียกเงินคืนแต่อย่างใด แต่หากเป็นไปตามการศึกษาก็ต้องคืนให้แก่ ECIP เมื่อจะเข้าสู่ระยะที่สามของโครงการ

ลักษณะที่สามคือการเข้าร่วมทุน การช่วยเหลือด้านการเงินแก่โครงการร่วมทุน ชนิดของเงินให้การสนับสนุน เงินร่วมลงทุนหรือเงินกู้

ผู้มีสิทธิขอการสนับสนุนคือกิจการร่วมทุนระหว่างนักลงทุนไทย และนักลงทุนจากประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรปหรือกิจการที่มีการใช้ Licensing และ Technical Assistance จากบริษัทในกลุ่มประชาคมยุโรป

ลักษณะของการดำเนินงานที่เข้าข่ายการขอสนับสนุนคือ

1) การจัดตั้งโครงการร่วมลงทุนใหม่

2) การปรับปรุงหรือขยายงานสำหรับโครงการร่วมทุนที่ดำเนินการอยู่แล้ว

สำหรับวงเงินที่ให้การสนับสนุนคือ ไม่เกิน 20% ของทุนจดทะเบียนของโครงการร่วมทุหรือสูงสุดไม่เกิน 1,000,000 อี.ซี.ยู. (ประมาณ 30,000,000 บาท) เช่นเดียวกันซึ่งหลังจากการเข้าร่วมทุนประสบผลสำเร็จแล้วก็ทยอยคืนให้เมื่อได้เข้าสู่โครงการในระยะสุดท้าย

คือ การดำเนินงานของโครงการโดยจะให้ความช่วยเหลือด้านบริหารและการจัดการแก่โครงการร่วมทุน ชนิดของเงินในการสนับสนุน เป็นเงินร่วมลงทุนหรือเงินให้กู้

ลักษณะของการดำเนินงานที่เข้าข่ายการขอสนับสนุนคือ

1) การฝึกอบรมช่างเทคนิคไทยและผู้จัดการในบริษัทร่วมทุนนั้น

2) การจัดหาผู้บริหารที่มีความสามารถจากประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรปเพื่อเข้ามาจัดการและบริหารกิจการร่วมทุนนั้น

3) การว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อช่วยเหลือด้านการจัดการ

โดยมีวงเงินให้การสนับสนุนไม่เกิน 50% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด หรือสูงสุดไม่เกิน 250,000 อี.ซี.ยู.(ประมาณ 7,500,000 บาท) การกำหนดคืนจะทยอยคืนเงินเมื่อธุรกิจดำเนินกิจการได้ผลกำไรแล้ว

จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาโครงการช่วยเหลือทางการเงินของ ECIP เป็นที่ต้องการของการลงทุนทั้งในประเทศที่กำลังพัฒนา และประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรป โดยมีจำนวนโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจาก ECIP มีเพิ่มขึ้นทุกปีคือจาก 285 โครงการ ในปี 2534 เพิ่มขึ้นเป็น 45 โครงการในปี 2535 โดยเป็นโครงการที่อยู่ในเอเชียถึง 170 โครงการ

สำหรับในประเทศไทยนั้นผู้ประกอบการที่สนใจขอความช่วยเหลือทางการเงินจำเป็นต้องดำเนินการผ่าน IFCT ซึ่งเป็นสถาบันการเงินคู่สัญญา IFCT จะมีหน้าที่ในการพิจารณาธุรกิจที่จะขอเข้าร่วมโครงการ และอนุมัติวงเงินตามเงื่อนไขของโครงการแก่นักลงทุนต่างๆ เหล่านั้น แต่การพิจารณาเงื่อนไขทางด้านการเงินดังกล่าวไปแล้วจะทำเป็นกรณีๆ ไป ขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินคู่สัญญา อย่างเช่นระยะเวลาของการชำระคืน หรือการอนุมัติวงเงิน

ปัจจุบันมีบริษัทที่เข้าร่วมโครงการของ ECIP ที่ผ่าน IFCT แล้วหนึ่งรายซึ่งได้ได้ดำเนินการผ่านระยะที่สองของโครงการไปแล้วและกำลังเข้าสู่โครงการในระยะที่สาม คือเป็นบริษัทร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตเซรามิก

และมีอีก 4 บริษัทที่กำลังอยู่ระหว่างการเสนอโครงการให้ IFCT พิจารณาเพื่อดำเนินการในขั้นที่สอง แต่ยังไม่ได้เปิดเผยประเภทของอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม โครงการ ECIP หากจะมองให้ลึกแล้วนั้นกิจกรรมดังกล่าวก็คือเครื่องมือที่ประชาคมยุโรปหรือ EC เล็งเห็นผลประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นทางตรงและทางอ้อมต่อตลาดไทย ซึ่งทางตรงก็คือผลตอบแทนที่ ECIP จะได้จากอัตราดอกเบี้ยในการปล่อยเงินกู้สำหรับโครงการต่างๆ หรือผลตอบแทนในการร่วมลงทุน ส่วนผลทางอ้อมนั้นประเทศที่เข้าร่วมในโครงการจะถือเป็นตลาดของประเทศใน EC เพื่อที่จะใช้ระบายสินค้าหรือไม่ก็เป็นผู้ที่ซื้อเทคโนโลยีจากประเทศใน EC เพราะหลังจากที่ยุโรปประสบปัญหาทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำจำเป็นต้องมีการส่งเสริมการส่งสินค้าออกมามากขึ้น แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์เฉพาะประเทศใน EC เท่านั้น หลังจากการรวมตัวของยุโรป ในปี 1992 ถูกมองว่าจะเป็นกำแพงการกีดกันทางการค้า โครงการ ECIP จึงถือเป็นโอกาสเปิดของนักลงทุนไทยที่จะสามารถเจาะเข้าตลาด EC โดยใช้สะพานสินเชื่อจากการให้ความช่วยเหลือของ ECIP

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us