|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“แลนดี้ โฮม” เผยแผนปีธุรกิจปีกุน (2550) เร่งเพิ่มสัดส่วนรับงานโครงการบ้านจัดสรรจากเดิม10%เป็น 25% ระบุตลาดรวมปีนี้ยังอึมครึม เชื่ออัตราเติบโตไม่ต่างจากปี2549 แจงชะลอแผนผุดโรงงานผลิตระบบก่อสร้างสำเร็จรูป(พรีแฟบ) หันเพิ่มปริมาณ(วอลูม)รับงานก่อสร้างรุกตลาดรับสร้างบ้านต่ำกว่า1ล้านบาท-โครงการจัดสรร เหตุตลาดรวมยังชะลอตัวอยู่
นายพิเชษฐ มณีรัตนะพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี2549 ว่า ค่อนข้างชะลอตัวทำให้ยอดขายของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านในตลาดส่วนใหญ่ไม่เป็นไปตามเป้า เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการสร้างบ้านออกไป หลังจากได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ลดลง ประกอบกับเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่เติบโตในอัตราที่ลดลง รวมถึงภาวการณ์เมืองที่อึมครึม ส่งผลให้ผู้บริโภคเลื่อนการก่อสร้างบ้านออกไปในปี2550 ซึ่งในส่วนของบริษัทฯได้รับผลกระทบดังกล่าวเช่นกัน ทำให้ยอดขายของบริษัทตกเป้า 5-10% จากเป้ายอดขายรวมทั้งปีที่วางไว้ 500 ล้านบาท
ส่วนในปี2550 คาดว่าตลาดรวมจะยังทรงตัวในระดับเดียวกับปี2549 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองยังไม่ชัดเจน คาดว่าในปี2550 เศรษฐกิจโดยรวมจะได้รับผลกระทบหลายๆด้าน ประกอบกับรัฐบาลในชุดปัจจุบันเป็นรัฐบาลรักษาการ ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้คล่องตัวมากนัก นอกจากนี้การอนุมัติงบประมาณ และการดำเนินการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ก็จะชะลอออกไป ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ขยายตัวเท่าที่ควร ดังนั้นจึงเชื่อว่าตลาดโดยรวมจะไม่เติบโตไปมากกว่าปี49
ทั้งนี้ ในส่วนของแลนดี้ โฮม ตั้งเป้าว่าปี2550 บริษัทจะมียอดขายเติบโตเท่ากับปีที่ผ่านมา คือ มียอขายอยู่ที่ 400-500 ล้านบาท โดยรายได้ดังกล่าวจะมาจากการรับสร้างบ้านให้ลูกค้ารายย่อยในสัดส่วน 75% ส่วนที่เหลืออีก 25% จะมาจากการรับสร้างบ้านในโครงการจัดสรร ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 15% และในอนาคตบริษัทคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากการรับงานบ้านจัดสรรเพิ่มขึ้นอีก แม้ว่าในตลาดรวมของโครงการบ้านจัดสรรในปี2550 มีแนวโน้มบ้านเดี่ยวจะมีการชะลอตัวค่อนข้างมาก ทำให้มีโครงการเปิดใหม่ลดลง แต่การที่บริษัทตั้งเป้าว่าจะรับงานโครงการบ้านจัดสรรเพิ่มขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นการสวนกระแสตลาดนั้น เพราะว่าบริษัทมีงานรับสร้างบ้าน (สต็อก)งานไว้ในมือแล้ว ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะมีสัดส่วนจากการรับงานโครงการบ้านจัดสรรเพิ่มมากขึ้น
นายพิเชษฐ กล่าวว่าสำหรับการรับงานในโครงการจัดสรรในปี49 บริษัทมีลูกค้าโครงการบ้านจัดสรรจำนวน 2-3 โครงการ แต่เนื่องจากเป็นโครงการขนาดเล็กจึงทำให้มียอดรายได้ไม่มากนัก ส่วนในปี2550 บริษัทมีลูกค้าโครงการบ้านจัดสรรที่จะเข้าไปก่อสร้างบ้านให้2-3โครงการเช่นกัน แต่เป็นโครงการที่มีจำนวนยูนิตมากขึ้น โดยคาดว่าจะมีจำนวนบ้าที่ต้องก่อสร้างในโครงการจัดสรรรวมประมาณ 50 ยูนิต
ส่วนในตลาดรับสร้างบ้านรายย่อยนั้น บริษัทจะยังเน้นเจาะตลาดระดับราคา 1-10 ล้านบาทเช่นเดิม โดยคาดว่าตลาดระดับ 1-3 ล้านบาทจะยังเป็นกลุ่มที่ลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัท สำหรับบ้านระดับ 10ล้านขึ้นนั้น บริษัทจะยังไม่เข้าไปก่อสร้างให้แก่ลูกค้า เพราะไม่พร้อมและมีจำนวนความต้องการไม่มาก ในขณะที่บ้านระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น แต่เนื่องจากผลตอบแทนในตลาดระดับดังกล่าวค่อนข้างต่ำ ทำให้ต้องมีปริมาณจำนวนมากๆในการรับงาน ทำให้บริษัทต้องพัฒนาเทคโนโลยีในการก่อสร้างให้ทันสมัยและรวดเร็วมากขึ้น เพื่อให้สามารถรับงานในปริมาณที่สูงขึ้นได้
ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนจะพัฒนาโรงงานผลิตระบบก่อสร้างสำเร็จรูป(พรีแฟบ) โดยอาจะเป็นการต่อยอดกับโรงงานผลิตชิ้นส่วน วัดสุก่อสร้างของบริษัทในเครือ หรือ อาจจะเป็นการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถผลิตชิ้นส่วนบ้านหน้างานโครงการได้เลย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแบบบ้านที่บริษัทพัฒนาออกมามีรูปแบบที่แตกต่างกัน ทำให้ระบบก่อสร้างสำเร็จรูปไม่สามารถรองรับการก่อสร้างตามแบบที่ลูกค้าต้องการได้ บริษัทจึงชะลอแผนการก่อสร้างโรงงานพรีแฟบออกไปก่อน
“ หากเราจะนำระบบพรีแฟบเข้ามาใช้อย่างเต็มรูปแบบก็จะต้องพัฒนาโครงการจัดสรรเอง หรือรับงานจัดสรรเพิ่มขึ้นด้วย แต่เนื่องจาก ตลาดในปี50 นั้นแนวโน้มยังชะลอตัวอยู่ การจะนำระบบพรีแฟบมาใช้ในช่วงนี้จึงยังไม่คุ้มกับการลงทุน ซึ่งหากตลาดกลับไปขยายตัวดีแล้วเราอาจจะนำระดับดังกล่าวมาใช้ก็เป็นได้” นายพิเชษฐ กล่าว
|
|
|
|
|