Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์1 มกราคม 2550
ธุรกิจโรงแรมบูม!...เชนไทย-เทศ ปรับทัพรับปีหมูทอง             
 


   
search resources

Hotels & Lodgings




ธุรกิจโรงแรมในช่วงปีที่ผ่านมานับว่ามีการแข่งขันกันมากขึ้นโดยเฉพาะเชนต่างชาติที่บุกเข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทยขยายฐานเครือข่ายให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะหัวเมืองท่องเที่ยวหลักที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไป

ขณะเดียวกันการเดินทางของนักท่องเที่ยวเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญของการขยายเชนเข้าสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะในปี 2548 การเดินทางในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก มีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ซึ่งก่อนหน้านั้นในปี 2547 มีอัตราการเติบโตร้อยละ 27 ขณะที่การเดินทางของตลาดจีนกับอินเดียอยู่ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น อนาคตอันใกล้การเติบโตด้านการท่องเที่ยวของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จะส่งผลอย่างมากของการเติบโตโดยรวมทั่วโลก

แน่นอนกลุ่มตลาดจึงมีความหลากหลายเพิ่มขึ้น การปรับตัวเพื่อรองรับกระแสการเติบโตของตลาดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจึงเริ่มถูกนำมาใช้กันมากขึ้นเช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่เชนโรงแรมไทยอย่างดุสิต ธานีที่ในช่วงปีที่แล้วกระโดดลงมาเล่นตลาดโรงแรมชั้นประหยัดเปิด “ดีทู”ออกมารองรับตลาด

ขณะที่เชนโรงแรมจากต่างชาติอย่าง “แอคคอร์”ในปี 2549 ที่รับบริหารอย่างเดียวกว่า 15 แห่งในประเทศไทย ดูจะสวนกระแสเศรษฐกิจมากกว่าใครเพราะยอดพุ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 8 โดยเฉพาะที่ภูเก็ตมีอัตราการเข้าพักถึง 37% ทำให้เชนแอคคอร์ได้ใจประกาศจุดยืนภายในอีก 2 ปีข้างหน้าคือปี 2550 จะมีโรงแรมในเครือข่ายสูงถึง 40 แห่งทั่วประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันแอคคอร์มีโรงแรมในเครือที่รับบริหารสำหรับประเทศไทยอยู่ในมือถึง 25 แห่ง และกำลังจะเปิดให้บริการใหม่เพิ่มอีกจำนวน 3 แห่ง คือในเมืองพัทยา,ชุมพร และกรุงเทพฯ

สอดคล้องกับคำพูดของ มร.ไมเคิล ไอเซนเบิร์ก กรรมการผู้จัดการ แอคคอร์ เอเชีย แปซิฟิก ที่บอกว่า จะมีการขยายแบรนด์ในทุกระดับดาว ซึ่งประกอบด้วยแบรนด์ โซฟิเทล โรงแรมระดับ 5 ดาว,แกรนด์ เมอร์เคียว 4 ดาวครึ่ง,โนโวเทล 4 ดาว,เมอร์เคียว 3 ดาวครึ่ง และอีบิส 3 ดาว จึงไม่แปลกที่กลุ่มเชนแอคคอร์จะเพิ่มเครือข่ายมากกว่า 1 เท่าตัวใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น....

เปิดตัวแบรนด์ใหม่สไตล์รีสอร์ต

การบริหารโรงแรมใหม่ในสำหรับปีนี้ มร.ไมเคิล กล่าวว่า มีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ “ออลซีซั่นส์” เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวในรูปแบบสไตล์รีสอร์ท และถือเป็นการเข้ามาครั้งแรกของแบรนด์นี้สำหรับประเทศไทย และเป็นแห่งที่สองในแถบภูมิภาคเอเชีย

“คาดว่าจะเจาะกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวระดับกลางเช่นเดียวกันอีบิส”มร.ไมเคิล กล่าว

กลยุทธ์สำคัญของแบรนด์ ออล ซีซั่นส์ นับว่าเป็นแบรนด์ที่ 6 ของกลุ่มแอคคอร์ที่ถูกส่งมาวางตำแหน่งทางการตลาดเดียวกับอีบีส คือระดับ 3 ดาวแต่จะแตกต่างที่โลเคชั่นของโรงแรม โดยอิบิสจะเน้นกลุ่มโรงแรมในเมือง และมีราคาประหยัด

ขณะที่ ออล ซี ซั่นส์จะถูกวางตำแหน่งทางการตลาดเป็น โรงแรมสไตล์รีสอร์ท ซึ่งเหมาะสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยจะเน้นไปที่โลเคชั่นหัวเมืองท่องเที่ยวหลักๆ อย่างเช่น พัทยา ที่กำลังจะเปิดให้บริการเร็วๆนี้

“ด้วยศักยภาพที่มีเครือข่ายบริหารโรงแรมไปทั่วโลก โดยเฉพาะแถบภูมิภาคเอเชีย ทำให้ธุรกิจของแอคคอร์ในประเทศไทยกว่า 70%มาจากนักเดินทางในทวีปเอเชียด้วยกัน ดังนั้นแบรนด์ ออล ซีซั่นส์น่าจะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ประกอบการคนไทยที่ไม่มีประสบการณ์ในการบริหารโรงแรมและรีสอร์ทได้เช่นกัน”มร.ไมเคิล กล่าว

จากตัวเลขการเดินทางในแถบเอเชียที่เติบโตสูงขนาดนี้ น่าจะส่งผลให้การเติบโตของธุรกิจโรงแรมอิบิสราคาประหยัด ออลซีซั่น เมอร์เคียวและโนโวเทลจะมีอัตราเติบโตรวดเร็วกว่าแบรนด์โซฟิเทล ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มนักเดินทางที่มาจากประเทศห่างไกล อาทิ ยุโรป อเมริกา

แผนรุกตลาดเอเชีย

สนามบินสุวรรณภูมิที่จะถูกใช้เป็นศูนย์กลางการจราจรทางอากาศของกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวียดนามและจีนตอนใต้...การเลือกที่จะเปิดให้บริการโรงแรมในสนามบินจึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ถูกเชนแอคคอร์วางยุทธศาสตร์ไว้

โนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต คือโรงแรมแห่งที่ 2 ในจำนวนโรงแรมโนโวเทลทั้ง 3 แห่งที่เปิดให้บริการภายในบริเวณสนามบิน

“แอคคอร์เปิดให้บริการโรงแรมโนโวเทล ซิตี้เกท ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติฮ่องกงเพียง 5 นาท นอกจากนี้การเปิดตัวโรงแรม บันยัน กวางโจว ในปลายปี 2549 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีโรงแรมถึง 3 แห่งในสนามบินและเป็นโรงแรมแฟลกชิพของแอคคอร์”มร.ไมเคิล กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องมีโรงแรมในบริเวณสนามบินให้ครอบคลุมภูมิภาค

การเปิดให้บริการของสนามกอล์ฟโภคีธรา คันทรี่ กลับ นครวัต เป็นเสมือนหนึ่งการปรับโฉมของการเล่นกอล์ฟท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ ถึงแม้ว่าสนามกอล์ฟจะตั้งอยู่ในประเทศที่การเมืองผันผวนอยู่ตลอดเวลาอย่างกัมพูชาก็ตาม แต่การบริหารจัดการหรือมุมมองทางการตลาดที่เชนแอคคอร์วางไว้กลับไม่เป็นเช่นนั้น

ศักยภาพและตลาดการเล่นกอล์ฟท่องเที่ยวที่มีอยู่ยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศไทย เกาหลี ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และมาเลเซีย

มร.ไมเคิล บอกว่า โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล หัวหิน รีอสอร์ทก็ประสบความสำเร็จมาแล้ว ส่วนหนึ่งมาจากกรที่มีสนามกอล์ฟที่ดีหลายแห่ง เช่นเดียวกับเมืองพัทยาที่เติบโตเพราะส่วนหนึ่งมาจากการลงทุนกอล์ฟ

“ในภูมิภาคนี้แอคคอร์มีรีสอร์ทหลายแห่งที่ให้บริการสนามกอล์ฟด้วย และโภคีธรา คันทรี่ คลับก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่จะใช้มาตรฐานโซฟิเทลเข้าไปบริหารจัดการ และคาดว่าการทำตลาดคงไม่ยากนักเพราะมีนักเดินทางเข้าประเทศกัมพูชาประมาณปีละไม่ต่ำกว่า 7 แสนคน”มร.ไมเคิลกล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us