|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เปิดแผน“ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์” ลุยตลาดออฟฟิตโฮม ยึด 3 ทำเลทอง หัวหมาก-สุขาภิบาล 3-พระราม 2 หลังกำลังซื้อเริ่มดีดกลับ รับผลพวงปัจจัยลบเริ่มนิ่ง ทั้งดอกเบี้ย น้ำมัน และการเมือง ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 20%
ในช่วงสิ้นปี 2549 ดีเวลลอปเปอร์หลายรายต่างมองหากสินค้าหรือโปรดักส์ใหม่ๆออกสู่ตลาด เนื่องจากปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ทั้งอัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมันและสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มอยู่ในภาวะทรงตัว จึงทำให้กำลังซื้อเริ่มกลับมาในช่วงไตรมาส 4 ปีก่อนต่อเนื่องไปถึงปี 2550
โดยคาดว่าสินค้าประเภทโฮมออฟฟิตจะมาแรงในช่วงปีนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการหันไปสนใจตลาดคอนโดมิเนียมเกาะแนวรถไฟฟ้าและบ้านระดับกลางเป็นส่วนใหญ่ ทำให้สินค้าประเภทดังกล่าวเริ่มขาดแคลน
วสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์เปลี่ยนแปลงเร็วมากโดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 ของปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นโชคร้ายของผู้ประกอบการ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบั่นทอนจิตใจผู้บริโภค ซึ่งกระทบต่อกำลังซื้อ แต่หลังจากการปฏิรูปการเมืองที่ผ่านมาและความชัดเจนของการเมืองทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในสถานการณ์ต่างๆกลับคืนมา รวมถึงดอกเบี้ย ราคาน้ำมันที่เริ่มนิ่ง
ที่ผ่านมาผู้ประกอบการหันไปสนใจทำตลาดบ้านเดี่ยว ทาวเฮาส์ จำนวนมากจนทำให้เกิดปัญหาโอเวอร์ซัปพลาย ในทางกลับกันตลาดออฟฟิตโฮมกลับเป็นตลาดที่ไม่ค่อยมีผู้ประกอบการลงทุนมากนัก เนื่องจากมองว่าอาจไม่คุ้มค่ากับการลงทุน แต่บริษัทมองว่าตลาดนี้เป็นตลาดที่ยังมีโอกาสเข้าไปลงทุนได้อีก
“รูปแบบออฟฟิตโฮมที่บริษัทจะทำนั้นแตกต่างจากโฮมออฟฟิตทั่วไป โดยออฟฟิตโฮมจะเน้นพื้นที่พักอาศัยเป็นหลัก แต่ปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่สำนักงานได้ ขณะที่โฮม ออฟฟิตจะเน้นพื้นที่เพื่อสำนักงานแต่ปรับเปลี่ยนเป็นที่พักอาศัยได้”วสันต์กล่าว
นอกจากบริษัทจะหันมาลงทุนในโครงการออฟฟิตโฮมแล้ว บริษัทยังมีแผนที่จะมาลงทุนบ้านเดี่ยวระดับบน หลังจากที่หยุดทำตลาดไปกว่า 2 ปี เนื่องจากในช่วงนั้นมีปัญหาโอเวอร์ซัปพลายจำนวนมาก แต่ปัจจุบันตลาดระดับบนยังคงมีช่องว่างเหลือพอที่จะเข้าไปลงทุนได้อีก ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนในโซนที่ถนัด เช่น ตะวันออก ใต้ และตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น โดยจะลงทุนโครงการบ้านเดี่ยว ราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป
สำหรับแผนดำเนินงานปีนี้ จะลงทุนโครงการใหม่ 3 แห่ง ตั้งอยู่ในย่านหัวหมาก จำนวน 130 ยูนิต อาคารสูง 4 ชั้น ราคา 6 ล้านบาท, ถนนสุขาภิบาล 3 เป็นอาคารสูง 3 ชั้น จำนวน 40 ยูนิต และบริเวณพระราม 2 เป็นบ้านเดี่ยว ราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 200 ยูนิต พื้นที่ 40 ไรเศษ
ส่วนรายได้ปี 2549 จะใกล้เคียงกับปี2548 ที่มีรายได้ประมาณ 1,200 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิประมาณ 13% มีหนี้สินต่อทุน 0.5:1 โดยตั้งเป้ายอดขายปี 2550 เติบโตขึ้น 20% ซึ่งจะมียอดขายจาก 4 โครงการที่เปิดขายอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ โครงการพาร์คเวย์ ชาเล่ต์ รามคำแหง โครงการการ์เด้น สวีท ดิ อินดี้โฮม รามคำแหง โครงการเนเบอร์โฮม วัชรพล และโครงการพรอเมนาด โฮม พระราม2 ซอย47 ซึ่งทั้ง 4 โครงการจะสามารถรองรับการขายได้ 2 ปีกว่า คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท
“สำหรับแนวทางการดำเนินงานในปี 2550 นั้น บริษัทเน้นกลยุทธ์องค์กร คือ ความต่อเนื่องทั้งในสายการสร้างสินค้าที่มีคุณภาพที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มตาม
ปิรามิดโมเดลการสร้างองค์ประกอบของคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์ให้แก่ลูกค้าและการทำCSR(Corporate Social Responsibility)กับลูกค้า ผู้รับเหมา คู่ค้า ภาครัฐ สื่อมวลชนและสังคม” วสันต์กล่าว
|
|
|
|
|