|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ปูนใหญ่คาดตลาดบ้านใหม่ชะลอ ปิ๊งไอเดียดึงบ้านเก่าเปิดตลาดใหม่ ชูธุรกิจรีโนเวทครบวงจร ขอนำร่องพัฒนาฝีมือช่างรับเหมาเต็มสูบ เดิมพันด้วยชื่อเสียงกว่า 100 ปี รองรับการเติบโตในอนาคต หวังดันยอดขายเพิ่ม 10%
เป็นที่รู้กันดีว่าเครือซิเมนต์ไทย มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวัสดุก่อสร้างอย่างครบวงจรมากที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอื่นๆ เช่น จัดจำหน่าย โลจิสติกส์ มารองรับอย่างครบวงจรด้วย แต่ด้วยปัจจัยลบหลายด้านที่เข้ามากระทบระบบเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านใหม่ ซึ่งเคยเป็นตลาดใหญ่ของเครือซิเมนต์ไทยหดตัวลงมาก ประกอบกับเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ก็ส่งผลกระทบทำให้รายได้จากตลาดส่งออกหดหายไปเช่นเดียวกัน
จุดนี้จึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของเครือซิเมนต์ไทยที่จะต้องแก้ให้ได้ จากเดิมที่หากตลาดในประเทศซบเซา ผู้ประกอบการก็จะหันไปสู่ตลาดส่งออกแทน แต่ ณ เวลานี้ ทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศก็เต็มไปด้วยอุปสรรคทุกด้าน เรียกได้ว่า จนมุมอย่างสิ้นเชิง แต่ทุกวิกฤติย่อมมีโอกาส เครือซิเมนต์ไทยเลือกที่จะบุกตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ นั่นคือ ตลาดบ้านเก่า โดยใช้ธุรกิจรีโนเวทนำร่องแทน
พิชิต ไม้พุ่ม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างซิเมนต์ไทย จำกัด กล่าวว่า จากการศึกษาพบว่าตลาดบ้านเก่าที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป มีสัดส่วนถึง 20-25% ของตลาดก่อสร้างทั้งหมด หรือเกือบ 100,000 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านที่สร้างในช่วงปี 2539-2540 ที่เป็นยุคบ้านจัดสรรบูม ก็ถึงเวลาที่จะต้องซ่อมแซมแล้ว แต่ยังไม่มีใครเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง
พิชิต กล่าวว่า ธุรกิจดังกล่าวจะทำในลักษณะ Home Solution เป็นที่ปรึกษาและรับงานซ่อมแซมบ้านอย่างครบวงจร 4 ระบบ ได้แก่ หลังคา ห้องน้ำ พื้น ฝ้าและฝาผนัง เน้นทำตลาดในทำเลที่มีดีมานด์ของการซ่อมบ้านสูง เช่น ย่านหมู่บ้านที่สร้างมานานแล้ว รวมทั้งร้านซิเมนต์ไทยโฮมมาร์ทเป็นช่องทางที่จะเข้าถึงลูกค้า โดยจะเปิดแห่งแรกที่ สุขาภิบาล 3 ใช้งบประมาณ 70 ล้านบาทต่อสาขา โดยก่อนหน้านี้ได้มีการรับงานรีโนเวทไปแล้ว 2-3 หมู่บ้าน
ทั้งนี้ พิชิต กล่าวว่า ตลาดนี้ลูกค้ามีความต้องการผู้รับเหมาที่มีคุณภาพ ซึ่งเราสามารถที่จะตอบสนองความต้องการได้ในแง่ของผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ระบบที่ทันสมัย รวดเร็ว ทำให้เกิดความครบวงจร ซึ่งจะธุรกิจรีโนเวทนี้จะเป็นการ Synergy ธุรกิจวัสดุก่อสร้างทุกประเภทและธุรกิจจำหน่ายของเครือซิเมนต์ไทยเข้าด้วยกัน แต่ปัญหาปัจจุบันอยู่ที่ช่างฝีมือที่มีมาตรฐานยังมีไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ของบริษัทฯ ที่จะต้องพัฒนาคนขึ้นมาให้ทันต่อความต้องการของตลาด เพราะธุรกิจนี้ไม่ใช่แค่การขายสินค้าเท่านั้น แต่ได้ก้าวเข้าไปสู่พรมแดนของงานบริการแล้ว
นอกจากนี้จะมีการจัดตั้งโรงเรียนขึ้น เพื่อพัฒนาทักษะของช่างฝีมือให้มีมาตรฐาน โดยจะเข้าไปพัฒนาฝีมือช่างในโรงเรียนอาชีวะ และช่างรับเหมาของเอเยนต์คู่ค้าด้วย ซึ่งเป็นงานใหญ่ ยาก และต้องอาศัยระยะเวลา โดยคาดว่าการเจาะตลาดนี้จะช่วยทำให้ยอดขายปี 2550 เติบโตขึ้น 10% เป็น 26,000- 27,000 ล้านบาท จากเดิม 22,000-23,000 ในปีนี้ ซึ่ง พิชิต กล่าวว่า งานนี้ไม่ใช่แค่การเปิดตลาดใหม่เท่านั้น แต่เดิมพันด้วยชื่อเสียงของเครือซิเมนต์ไทยเลยทีเดียว
|
|
|
|
|