|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
รับสร้างบ้านปีนี้แค่เสมอตัว บิวท์ ทู บิลด์ ปรับตัวปีหน้าเทน้ำหนักลงตลาดบ้านระดับกลาง 3-4 ล้าน ตั้งเป้าโต 15% ชี้อนาคตแนวโน้มราคาน้ำมัน-อัตราดอกเบี้ย ราคาวัสดุที่เริ่มทรงตัว เป็นปัจจัยบวกดันดีมานด์สร้างบ้านเดินต่อเนื่อง คาดปีหน้าผู้ประกอบการแข่งขันสงครามราคารุนแรง หวังชิงเค้กครองความเป็นเจ้าตลาด
ที่ผ่านมาธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นธุรกิจมีวงจรไม่ค่อยหวือหวานักไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะตกอยู่ในช่วงใด โดยมีการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปต่อเนื่องมาตลอด เนื่องจากเป็นธุรกิจที่เจาะตลาดเฉพาะกลุ่มผู้ที่ต้องการสร้างบ้าน ซึ่งมีที่ดินเป็นของตนเองอยู่แล้ว เรียกว่าเป็นกลุ่มที่เป็น Real Demand หรือมีการตัดสินใจซื้อเพราะต้องการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง ที่สำคัญเป็นกลุ่มที่ยินดีจ่ายแพงกว่า เพราะคาดหวังคุณภาพของงานก่อสร้างที่สูงกว่าผู้รับเหมาหรือบ้านจัดสรรทั่วไป
ในช่วงปี 2548-2549 ที่ผ่านมา จำนวนบ้านสร้างเองมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประเมินว่ามีผลมาจากภาพรวมของตลาดรับสร้างบ้านที่เติบโตขึ้นสวนทางกับการชะลอตัวของบ้านจัดสรรนับตั้งแต่กลางปี 2548 เป็นต้นมา ทั้งนี้เพราะผู้บริโภครู้จักและให้การยอมรับผู้ประกอบการรับสร้างบ้านมากกว่าในอดีต โดยผู้บริโภคมีทางเลือกในการใช้บริษัทรับสร้างบ้านได้หลายระดับตามความต้องการและกำลังซื้อที่มี ทั้งนี้ส่วนหนึ่งผู้บริโภคมองเห็นถึงความคุ้มค่าและสิ่งที่ได้รับเทียบกับเงินที่จ่ายไป หากเปรียบเทียบกับการซื้อบ้านจัดสรรที่มีราคาพุ่งขึ้นสูงในช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา
จากปัจจัยลบในรอบปี 2549 ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านอยู่ไม่น้อย ทั้งเหตุการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น และราคาน้ำมันที่มีความผันผวน ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะงักงัน ทำให้ประเมินการเติบโตว่าของตลาดรับสร้างบ้านว่าไม่น่าจะแตกต่างไปจากปีที่แล้ว
สุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวท์ ทู บิลด์ จำกัด ให้ความเห็นต่อแนวโน้มของปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อตลาดรับสร้างบ้านในปีหน้าว่า ยังคาดการณ์ได้ยาก แม้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีจากราคาน้ำมันที่ปรับลด ซึ่งช่วยให้อัตราเงินเฟ้อลดลง จนส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยปรับลดลงเช่นกัน แต่ทั้งนี้มองว่ายังคงมีปัจจัยลบก็ยังคงมีอยู่ โดยมาจากสิ่งที่ทุกฝ่ายมองตรงกันว่า ปีหน้าเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะชะลอตัว ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ปรับลดลง กระทบต่อภาคการส่งออกที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น รวมทั้งรายได้ของไทยที่จะลดลง เพราะพึ่งพิงรายได้จากการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาเป็นหลักถึง 70%
ในส่วนของปัจจัยบวกจากภายนอกที่จะมาเสริมระบบเศรษฐกิจไทยปีหน้า คือ ภาวะเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะชะลอตัวลงจากดีมานด์ของตลาดใหญ่ คือ สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะส่งผลให้การบริโภคพลังงานน้ำมันของจีนลดลง ส่งผลต่อการปรับลดราคาน้ำมันของตลาดโลกในปีหน้า ซึ่งจะเป็นผลดีทำให้อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยของไทยลดลงไปด้วย บวกกับการประกาศเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจคของภาครัฐ น่าจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปีหน้า
จากปัจจัยทั้งแง่บวกและแง่ลบดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจปีหน้ายังอยู่ภาวะทรงตัว ต้นทุนวัสดุก่อสร้างคงที่ ราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย และอัตราเงินเฟ้อปรับลดลงจากเดิม โดยมองว่ารัฐบาลน่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยบวกสำหรับของธุรกิจรับสร้างบ้านที่ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
สำหรับภาวะของตลาดรับสร้างบ้านในปีหน้า สุธี กล่าวว่า ธุรกิจรับสร้างบ้านจะยังคงขยายตัวได้ แต่ไม่หวือหวามากนัก เพราะความต้องการที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นปัจจัย 4 ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่กลุ่มเป้าหมายจะพิจารณาเรื่องงบประมาณเป็นสำคัญ ทำให้แนวโน้มบ้านระดับกลางจะได้รับการตอบรับมากขึ้น จะเป็นยุคของสงครามราคาที่ผู้ประกอบการต่างๆ จะงัดกลยุทธ์ลดราคามาใช้ในการทำตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการที่มีแบรนด์ไม่แข็งแกร่ง
บิวท์ ทู บิลด์ ตั้งเป้ารายได้ในปีหน้าอยู่ที่ 300 ล้านบาท จากเดิมปีนี้อยู่ที่ 250 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 15% โดยบริษัทฯ จะหันมารุกลูกค้าระดับกลางที่ต้องการปลูกบ้านราคา 3-4 ล้านบาทมากขึ้น จากเดิมที่เน้นแต่กลุ่มลูกค้าที่สร้างบ้านในระดับราคา 4-5 ล้านขึ้นไป โดยจะมีการเพิ่มแบบบ้านปรับราคานอกจากนี้ยังมีบริษัทในเครือ คือ บางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ ที่เน้นจับตลาดกลาง-ล่างลงมาที่ต้องการสร้างบ้านราคา 800,000-2 ล้านบาทเป็นหลัก โดยมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 20% สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มดีมานด์ในกลุ่มเป้าหมายระดับกลางที่มีสูง ซึ่งคาดว่าปีหน้าจะมีหลายบริษัทโดดเข้ามาร่วมวงในตลาดนี้มากขึ้นโดยบางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ เน้นตั้งราคาต่ำ อาศัยจากความได้เปรียบในแง่การบริหารจัดการต้นทุน และการใช้โรงงานผลิตชิ้นส่วนของระบบก่อสร้าง Prefab ร่วมกับ บิวท์ ทู บิลด์ ทำให้ประหยัดต้นทุนคงที่ ได้เปรียบในแง่ Economy of scale
|
|
|
|
|