|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ มกราคม 2550
|
|
บนพื้นที่ห้องโอ่โถง 300 ตารางเมตร ของคอนโดมิเนียมโอเรียนเต็ลทาวเวอร์ ที่สุขุมวิท 63 ครอบครัวของสุหฤท สยามวาลา อาศัยอยู่กันประสาพ่อ-แม่+ลูกชายตัวเล็กทั้งสอง ไม่นับรวมอีกหนึ่งในครรภ์มารดา บ่งบอกบรรยากาศสบายๆ และเป็นกันเอง
ลูกชายคนเล็ก ดช.ธนิก หรือพ่อหนู Suleiman ตาโตคมเข้มวนเวียนขี่จักรยานเล่นรอบๆ บริเวณห้องรับแขก แต่เมื่อได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้นเหมือนรู้ว่าคุณพ่อกลับบ้านแล้ว เขาวิ่งไปรับพร้อมมารดาที่หน้าประตู
หลังจากทักทายกันเสร็จ สุหฤทที่ยังผูกเนกไท ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวแบบ white collar man เปิดใจให้เห็นอารมณ์ดนตรีในห้อง studio ซึ่งเป็นพื้นที่สำราญส่วนตัวของเขา ถือเป็นภาพ contrast ซึ่งเป็นคุณลักษณะ เฉพาะของสุหฤทที่เด่นชัดมาก เป็นคนสองโลกที่แยกกันชัดเจน ขณะที่กลางวันเขาเป็น Sales director ของบริษัท ดี เอช เอ สยามวาลา ที่ต้องคุมกองทัพนักขายกว่า 100 คน แต่บางค่ำคืน เขามีโลกส่วนตัวในฐานะดีเจ ผู้ประสบความสำเร็จในการสร้างสรรค์ดนตรีประเภท "house" ที่เร้าใจผู้ฟังให้ขยับกายใจ เต้นรำ สุหฤทจัดเป็น Club DJ. ที่ค่าตัวแพง คนหนึ่ง
"ชีวิตผมชอบ contrast ถึงจะมีความสุข ผมชอบอย่างนี้ โดยรวมถือว่าผมโชคดี แต่ผมรับงานหนึ่ง ผมชาร์จเงินแพงนะ ผมจะไม่ไปทำเพื่อสนองตัณหาตัวเอง แต่ผมจะต้องทำในฐานะมืออาชีพ เพราะกว่าผมจะ mix ดนตรีได้ขนาดนี้ ผมต้องใช้เวลาฝึกปรือฝีมืออยู่กับบ้าน 2-3 ปี นั่งและซ้อมเปิดแผ่นเป็นปีๆ หมกตัวอยู่ในนี้ไม่ไปไหน จะทำดนตรี อัดเพลงแล้วมาเล่นตามแนวทางของผม ไม่คำนึงถึงตลาด"
"ผมจะไม่ประนีประนอมเรื่องเพลง เพราะจะให้ผมทำเพลงแนวตลาด ประเภทฉันรักเธอ ผมทำไม่เป็น ผมจะมีความสุขจริงๆ เมื่อมีคนเข้าใจและตอบรับ ผมก็อยากให้ ขายเพลงได้เยอะๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันไม่เป็นแบบนั้น ผม compromise ไม่ได้ นี่คือ จุดแย่ของผม แต่มันจะตรงกันข้ามกับชีวิตธุรกิจของผม ที่ทำอยู่ฝ่ายขาย ผมต้อง com-promise ตลอดเวลา อยู่กับข้อต่อรองสองความต้องการ ซึ่งเราจะไปดุลมันได้อย่างไร นี่แหละ..ผมถึงชอบ contrast ตรงนี้"
สุหฤทเล่าขณะสาธิตการเล่นแผ่น แล้ว mix เสียงเพลงเต้นรำที่ดังกระหึ่มเร้าใจให้รู้สึกสนุกสนานมากๆ โดยแนวเพลงที่สุหฤทเล่น ได้แก่ Progressive house, Trance, Hardhouse, Funky house
"ดนตรีตระกูล house มันเป็นดนตรีที่เติบโตจากดิสโก้ ประเภทเลดี้ บั้มพ์ แล้วต่อมาเปลี่ยนซาวนด์ให้มันเข้ากันกับยุคสมัย จนกระทั่งมาเป็นดนตรีเฮาส์ มันสวยงาม แต่ฟังยาก"
"นี่ครับ...ประมาณนี้ ผมจะไม่ถูแผ่น scratch เหมือนพวกฮิปฮอป ซึ่งจะมีวิธีเซตเครื่องกันคนละอย่าง เพราะ mixer ที่ออกแบบเพื่อ scratch มันจะมีลูกปืนเซรามิกตรงนี้ที่เร็วมาก แต่ของผมแค่อันนี้จะเป็น housy plant ซึ่งจะค่อยๆ built อารมณ์ให้ enjoy ถ้าคนฟังแล้วยืนเฉยๆ ดีเจก็ไม่แฮปปี้ เหมือนทำหน้าที่ขาดตกบกพร่อง ผมจะเต้นนำก่อน แล้วเขาก็เต้นด้วย มันก็จะสนุก"
"มันสำคัญที่การเลือก base line คือในดนตรีมันจะต้องมีตัวยั่ว หรือ base line ซึ่งตัวนี้ต้องดี และเราต้องรู้อารมณ์ดนตรีว่าเมื่อไหร่ถึงจะ breakdown ต้องหยุด และพอมีเสียง แป๋น...แป๋นขึ้นมา คนก็จะฮือขึ้นมา อารมณ์เราก็ไปด้วย คราวนี้ล่ะไปกันใหญ่เลย" นี่คือเสน่ห์ของสุหฤท ผู้หลงใหลใน turntable อย่างสุดจะถอนตัว
ความเป็นมาด้านดนตรีของสุหฤท เริ่มตั้งแต่ก่อตั้งวง "ครับ" แต่ยังไม่ทันเห็นอัลบั้มแรก เขาก็แยกตัวออกมา ฝึกเป็น Bedroom DJ. ตั้งแต่ปี 1995 และเมื่ออายุ 27 ได้ออกอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกในชื่อ "ชุดสุหฤท" ในปี 1996 และชุดที่สองในชื่อ "digital punk" ในปี 2002 และ ล่าสุดเป็นซิงเกิลแรกในอัลบั้มชุด "center point" ของค่ายอาร์เอส มิวสิกวิดีโอของเพลงนี้สุหฤทได้ฉายให้ดูครั้งแรกในวันแถลงข่าวปากกาเจลโลบอล "Quantum" ด้วย ซึ่งเนื้อหาแฝงแนวคิดสะท้อนสังคมที่น่าติดตาม
เขาเคยร่วมร้องเพลงในอัลบั้ม Electric Suntaraporn และตั้งแต่ปี 2000 ก็เป็นดีเจอิสระรับงานต่างๆ เช่น งาน Red Bull Dance Industry และเป็น Club DJ. รับงาน organize party ตามคลับต่างๆ เช่น บางกอกบาร์, Absolute Bangkok, What's up, Cafe De Moc ฯลฯ
ชื่อเสียงของสุหฤท ยิ่งเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ในฐานะดีเจประจำคลื่น Fat Radio FM 104.5 โดยเริ่มจากการเป็น Bedroom DJ. มีขาโจ๋เป็นแฟนประจำซึ่งส่งเพลงมาให้สุหฤทวิพากษ์แบบรักแรงๆ
"ตอนที่เป็นดีเจที่ Fat Radio ผมจัดทุกวันตลอด 3 ปี ผมใส่ความเป็นสุหฤทเข้าไป โดยเลือกเพลงเองหมด ไม่เคยเขียนบทพูดมาก่อน พอเปลี่ยนจากช่วง bedroom ก็เป็น entrance ต้องไปฟังศิลปินใหม่ๆ เขาส่งเพลงเข้ามาให้เราคอมเมนต์ ผมจะบอกเสมอว่า ผมพูดตามความรู้สึกของผมนะ ถ้าชอบก็ชอบ ไม่โกง และผมวิพากษ์วิจารณ์ เยอะ แต่กลับกลายเป็นว่าเป็นการชวนทะเลาะ ซึ่งผมเกลียดการทะเลาะวิวาท ด่ากันไม่ช่วยอะไร ต่อยกันยังดีกว่า" สุหฤทเล่าให้ฟัง
"แต่ตอนนี้ผมพักงานดีเจ เพราะความจำเป็นจากการมีครอบครัวและงาน ภรรยาผมก็ตั้งท้องลูกคนที่สาม เพราะพอเริ่มมีลูกคนแรกผมก็ลดเวลาจัดวิทยุเจ็ดวันเหลือแค่วันศุกร์และเสาร์ พอลูกคนที่สองก็จัดรายการวิทยุเฉพาะวันอาทิตย์ แต่ตอนนี้เหลือแค่รับงาน Club DJ. เดือนละ 4-5 ครั้งเท่านั้น" เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับเขา
สุหฤทเป็นทายาทเจเนอเรชั่นที่ 4 ของตระกูลสยามวาลา ซึ่งมีเชื้อสายอินเดีย และปักหลักทำธุรกิจนำเข้าสินค้าและผลิตเครื่องเขียนในไทยมานานต่อเนื่องถึง 100 ปีในนามของบริษัท "ดี เอช เอ สยามวาลา" ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำในตลาดเครื่องเขียนและแฟ้มตราช้าง
ในจำนวน 5 พี่น้อง สุหฤทเป็นบุตรคนที่ 4 ของครอบครัว ที่จบการศึกษาปริญญาตรีจาก ABAC และปริญญาโท นิเทศศาสตร์จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ มีทักษะในการพูด เคยเป็นตัวแทนของประเทศไทยไปแข่งขันระดับเอเชีย แปซิฟิก Southeast Asia Toastmaster Club Conference ด้วย
ปัจจุบันสุหฤทอายุ 38 ที่ยังคงมีพลังเหลือเฟือเพราะได้ทำสิ่งที่ตนเองชอบทั้งวันทั้งคืน ในฐานะผู้อำนวยการบริหารงานขาย เขามีภารกิจและเป้าหมายธุรกิจ หลังเลิกงานเขามีเวลาส่วนตัว จัดรายการวิทยุและขึ้นเวทีดนตรีเฮฮาปาร์ตี้ในฐานะคลับดีเจ หรือที่มีสมญานามว่า "ดีเจโต้"
"ผมเป็นวัยรุ่นที่แก่ที่สุดในโลก" เป็นความจริงที่กาลเวลาไม่สามารถหยุดหัวใจมีดนตรีของเซลส์แมนไดเร็กเตอร์ แห่ง ดี เอช เอ สยามวาลา คนนี้ได้...
|
|
|
|
|