ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ดูเหมือนจะกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง หลังสถานการณ์ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและการเมืองเริ่มคลี่คลาย จนทำให้ผู้บริหารจัดการกองทุนอสังหาริมทรัพย์เริ่มมองเห็นถึงโอกาสที่ดีในการประกาศขายหน่วยลงทุนสำหรับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ทั้งที่เป็นกองใหม่และกองเก่า
ยอดตัวเลขการออกหน่วยลงทุนฯ จากค่ายธุรกิจบริหารจัดการกองทุนรวมต่างๆ ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมามีมูลค่ารวมกันร่วม 20,000 ล้านบาท หากนับรวมการประกาศเพิ่มทุนอย่างพร้อมเพรียงกันในวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จาก 2 กองทุนคือ กองทุน CPN ของกลุ่มเซ็นทรัลกว่า 7,000 ล้านบาท จากมูลค่ารวมกองทุนฯ เมื่อปีก่อน 12,000 ล้านบาท โดยมี บลจ.ทหารไทยเป็นผู้บริหารจัดการ
ส่วนกองทุนที่ 2 เป็นของ บลจ.MFC ในกองทุนรวมฯ เอ็มเอฟซี-นิชดาธานี หรือ MNIT 1 ซึ่งประกาศเพิ่มทุนเพียงเล็กน้อยแค่ 620 ล้านบาท หลังเคยขายหน่วยลงทุนในกองทุนเดียวกันนี้ไปแล้ว 710 ล้านบาท เมื่อเดือนพฤษภาคม 2548
สำหรับการเพิ่มทุนในกองทุน MNIT 1 ของ MFC นั้นจะเป็นการเพิ่มทุนเพื่อเข้าลงทุนในโครงการบ้านเดี่ยวที่เปิดให้ชาวต่างชาติเช่าของหมู่บ้านนิชดาธานี 2 โครงการ คือ โครงการบ้านเดี่ยว Sunshine Place จำนวน 20 หลัง และ Raintree Residence อีก 20 หลัง
โดยทั้ง 2 โครงการมีอายุสัญญาการเช่า 5 ปี และมีจำนวนผู้เช่าแล้วคิดเป็นสัดส่วน 48.8% และ 100% ตามลำดับ ส่วนความคาดหมายในผลกำไรของกองทุนฯ นั้น ดร.พิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.MFC คาดว่ามีประมาณ 54 ล้านบาทต่อปี จากรายได้ในรูปค่าเช่าเดือนละ 130,000-140,000 บาท ในโครงการ Sunshine Place และ 140,000-150,000 บาท จากโครงการ Raintree Residence
ทั้งยังมีประมาณการด้านผลตอบแทนระยะยาวที่ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับจากการถือหน่วยลงทุนใหม่นี้ไว้ที่ 8.1% ต่อปี เมื่อเทียบผลตอบแทนก่อนการเพิ่มทุนครั้งนี้ที่ประมาณ 6-7%
|