|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ มกราคม 2550
|
|
บ้านไม้ทรงไทยโบราณ ซึ่งปลูกสร้างอยู่บนเนื้อที่ 3 ไร่ริมแม่น้ำปิง ต.สันผีเสื้อ อ.เมือง เชียงใหม่ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดระหว่างเลียม อยุทธ์กิจ กับครอบครัวของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
บ้านหลังนี้อยู่ติดกับบ้านของ ม.ร.ว.หญิงพักตร์พริ้ง ภรรยาของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ รั้วที่กั้นระหว่างบ้านทั้ง 2 ยังมีประตูเปิดปิดถึงกันได้ตลอด
เยื้องๆ กัน ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ ก็คือบ้านริมปิงของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์
"ทุกวันนี้ ทั้งคุณหญิงพักตร์พริ้ง คุณตั้ม คุณแต้ม ต่างก็มาอยู่ที่เชียงใหม่" เลียมบอก
คุณตั้ม และคุณแต้ม ที่เลียมเอ่ยถึง คือ ม.ล.รองฤทธิ์ และ ม.ล.หญิง วิสุมิตรา ลูกชายและลูกสาวของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ และ ม.ร.ว.หญิง พักตร์พริ้ง
ที่ดินผืนนี้เลียมมาซื้อพร้อมๆ กับ ม.ร.ว.หญิงพักตร์พริ้ง และแนวความคิดจะมีบ้านหลังที่ 2 ที่เชียงใหม่ ก็เพราะได้รับแรงผลักดันจากครอบครัวนี้
เลียมมาซื้อที่และปลูกบ้านที่เชียงใหม่ เมื่อปี 2519 โดยซื้อที่ดินมาในราคาตารางวาละ 180 บาท
ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ถือเป็นเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ที่เลียมให้ความเคารพนับถือมากที่สุดผู้หนึ่ง เขาเปรียบ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ว่า เป็นเสมือนเป็นพ่อคนที่ 2
ขณะที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ก็ให้ความเอ็นดูเขาเหมือนเป็นลูก เวลาจะเดินทางไปไหน ทั้งในและต่างประเทศ ก็มักจะพาเขาไปด้วยเสมอ
สมัย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ยังมีชีวิตอยู่ และขึ้นมาพักที่บ้านริมปิง ทุกเช้าเลียมจะต้องข้ามแม่น้ำเพื่อไปรับประทานอาหารเช้าที่บ้านของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์
ส่วนตกเย็นก็นั่งเป็นเพื่อนดื่มเหล้า พูดคุยขอความรู้เรื่องต่างๆ จาก ม.ร.ว.คึกฤทธิ์
"สมัยโน้น ผมกินเหล้า ท่านก็กินเหล้า แล้วก็เลยเป็นเพื่อนกินเหล้าด้วย แต่ตอนหลังผมเลิกกิน แต่ท่านก็ยังกินอยู่ จิบบรั่นดี แต่ผมกินวิสกี้ ก็มานั่งกินกันกลางคืน คุยกันสนุกๆ"
สายสัมพันธ์ระหว่างเลียมกับ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ เริ่มต้นจากวันที่เลียมนำจดหมายแนะนำตัวที่เพื่อนแม่ของเขาเขียนมาถึง ม.จ.อาชวดิส ดิสกุล ซึ่งขณะนั้นเป็นกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ ทำให้ได้พบและรู้จักกับ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ และเริ่มสนิทสนมกัน
ความสนิทสนมกันดังกล่าวพัฒนาต่อยอดไปถึงผู้ถือหุ้นและผู้บริหารของธนาคารอีกหลายคน ทั้งฝั่งของอินทิรา-เกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ และฝั่งของธะนิต พิศาลบุตร รวมทั้งคนในตระกูลดิสกุลอีกหลายคน ซึ่งเลียมพูดชัดเจนว่าเป็นเพื่อนกับเขาทั้งสิ้น
ว่ากันว่าปัญหาที่เรื้อรังอยู่ในธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จนเป็นข่าวใหญ่โตเมื่อหลายปีก่อน และทำให้ทางการต้องสั่งปิดและดำเนินคดีกับผู้บริหารในภายหลัง เลียมเป็นผู้หนึ่งที่รู้ตื้นลึกหนาบางอยู่ไม่น้อย
แต่เชื่อไหมว่า ขนาดเลียมสนิทสนมกับผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร แต่ครั้งหนึ่งธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การเคยปฏิเสธคำขอสินเชื่อของเขา
ตอนเลียมขึ้นมาซื้อที่ดินที่เชียงใหม่ และกำลังจะปลูกบ้าน ด้วยความที่เลียมเป็นคนไม่ชอบใช้เส้นใช้สาย เขาคิดว่าจะขอกู้เงินจากธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การในเชียงใหม่เพื่อปลูกบ้าน โดยไม่ได้ปรึกษากับ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ก่อน
"คือถ้าไม่จำเป็น ผมจะไม่ยุ่งกับใคร ผมทำของผมเอง ผมไม่ชอบ"
เขาหอบโฉนดเดินเข้าไปขอสินเชื่อจากผู้จัดการสาขา ปรากฏว่าคำขอสินเชื่อของเขาถูกปฏิเสธ
เหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของสาขาธนาคารพาณิชย์ในต่างจังหวัดในยุค 20 ปีก่อน ที่ในการกู้เงินแต่ละครั้งมักต้องมีสิ่งที่เรียกว่า "เงินปากถุง" ซึ่งก็ไม่ตรงกับนิสัยของเลียมอีกเช่นกัน
"ผมเลยไปหาคุณชาย ตอนนั้นโทรศัพท์ก็ไม่ได้ เพราะเราไปขอโทรศัพท์เขาก็ขอเงิน ผมไปบอกคุณชายว่าผมไม่อยู่เชียงใหม่แล้ว เงินก็ไม่ได้ แบงก์ก็ไม่ให้ โทรศัพท์ก็ต้องยัดเงิน แกบอก อะไรวะ ก็โทรไปที่แบงก์ ถามแบงก์มีปัญหาอะไร แบงก์บอกไม่มีๆ วันนั้นเป็นวันหยุด แกก็บอกให้เอาสัญญาไปที่บ้านแก แล้วแกจะเซ็นค้ำประกันให้เอง ตัวผู้จัดการแบงก์ก็สั่น ไปหาที่บ้านยังใส่สูท แล้วผมก็เซ็นสัญญากู้เงินที่บ้านของแก โดยคุณชายค้ำประกัน ส่วนโทรศัพท์อีก 2 วันก็ได้เลย คุณชายแกบอกระบบแบบนี้มันบ้า"
เรื่องราวที่เกิดจากความสนิทสนมกันระหว่างเลียมกับครอบครัวของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ยังมีอีกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องส่วนตัวและธุรกิจ
ครั้งหนึ่ง เลียมเคยเข้าไปเป็นที่ปรึกษาให้กับหนังสือพิมพ์สยามรัฐ หลังจากที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์เสียชีวิตไปแล้ว โดยไปช่วยให้คำปรึกษากับ ม.ล.รองฤทธิ์ ด้านธุรกิจของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้
แต่ที่ฮือฮาที่สุด และมีหลักฐานปรากฏชัด คือเมื่อครั้งที่เลียมไปเที่ยวงานฤดูหนาวที่ จ.ลำพูน กับครอบครัวของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ประมาณเกือบ 20 ปีก่อน
ขณะที่ทั้งหมดกำลังนั่งดูการประกวดสาวประเภทสอง ซึ่งเป็นประเพณีที่จัดเป็นประจำของงานฤดูหนาว จ.ลำพูน มีช่างภาพผู้สื่อข่าวมารุมถ่ายภาพ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้นึกมาก่อนว่าจะต้องมาเจอกลุ่มผู้สื่อข่าวที่นี่
ด้วยความรำคาญที่ผู้สื่อข่าว ช่างภาพ เข้ามาก้าวก่ายกับกิจวัตรส่วนตัว ม.ร.ว.คึกฤทธิ์จึงยกเท้ายื่นไปทางผู้สื่อข่าวกลุ่มนั้น
วันรุ่งขึ้น ภาพนี้ถูกตีพิมพ์อยู่บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ โดยในภาพจะเห็นเลียมนั่งทำหน้าตกใจอยู่ข้างๆ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์
"ทุกวันนี้ก็ยังคิดถึงท่าน หาไม่ได้อีกแล้ว คนแบบนี้หายาก"
|
|
|
|
|