Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2537








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2537
สุรีย์ บูรณะกิจ ลูกสาวชาวนา-ช่างเสริมสวย นักค้าที่และเจ้าของโรงแรม             
 


   
search resources

เพนทาเคิล
สุรีย์ บูรณะกิจ
ประกิจ ชินอมรพงษ์




สุรีย์ บูรณะกิจ วันนี้คืออีกตัวอย่างหนึ่งของนักธุรกิจหนึ่งที่เติบโตมาจาการตั้งใจเรียนรู้ ไม่ใช่การศึกษาจากสถาบันใด แต่มหาวิทยาลัยของสุรีย์ วงการธุรกิจของจริงเลยทีเดียว

กลุ่มบริษัทเพนทาเคิล ของสุรีย์ เป็นเจ้าของ " เดอะบีช" และ " ดิ อันดามัน" ที่ภูเก็ต รวมทั้งโรงแรม " เดอะ ชอมเมอร์เวย์ ที่สุขุมวิท ซอย 15 กับร้านอาหาร ซัมไทม์ ที่ซอยทองหล่อ นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาที่ดินที่รังสิต และที่จังหวัดเพชรบูรณ์อีกนับพันไร่

สุรีย์ เป็นลูกชาวนา ฐานะปานกลางแห่งเพชรบูรณ์ ไม่ได้เรียนหนังสือมากนัก พกความใฝ่ฝันที่จะเป็นนักตัดเสื้อผ้าฝีมือดี เข้ากรุงเทพตอนอายุราว 15-16 ปี เธอสมัครเป็นศิษย์ของโรงเรียนชื่อดังหลาย ๆ แห่ง ทั้งระพี พรศรีและกรสยาม จนมาเป็นลูกจ้างร้านตัดเสื้อกิ่งแก้ว ที่บางขุนพรหม ใกล้สถานีโทรทัศน์ช่อง 4 ในสมัยนั้น

" เราต้องการรู้ เราก็ต้องศึกษา ที่ไหนมีอะไรดี ไปขอความรู้เขามา" สุรีย์พูดถึงเหตุผลที่ต้องตระเวณไปเรียนจากโรงเรียนสอนตัดเสื้อหลายโรง ซึ่งแสดงความตั้งใจเรียนรู้อย่างจริงจังของเธอ

ชีวิตช่างตัดเสื้อในกรุงเทพฯ ของสุรีย์ต้องผันแปรเป็นช่างประจำ ร้านเสริมสวยที่ภูเก็ต ด้วยเหตุผลของโรคภูมิแพ้ จำเป็นต้องย้ายจากกรุงเทพไป และเป็นจุดเริ่มต้นการเป็นนักค้าที่ดิน เมื่อเธอได้รู้จักนายเหมืองของภูเก็ต และนักค้าที่ดินอย่างวิจิตร ณ ระนอง นักธุรกิจเหล่านี้เป็นผู้ให้ความรู้กับเธอ ในการทำธุรกิจและวิธีติดต่อค้าขายกับคนท้องถิ่น

" ตอนแรกก็ทำร้านเสริมสวย พร้อมกับเปิดบาร์ที่หาดป่าตองเป็นรายแรก ราคาที่ตอนนั้นไร่ละ 2 แสนบาท แต่เดี๋ยวนี้ ตารางวาละ 3 แสนบาท ชอบที่ตรงนี้ ก็เลยจับที่ในปี 2527 ตอนนั้นที่ดินยังไม่บูม แปลงแรกที่ขายมีเนื้อที่ 800 กว่าไร่ หุ้นกับคุณสายันต์ มั่นเหมาะ พอเริ่มเข้าใจธุรกิจมากขึ้น แปลงต่อมาก็ทำเอง ขายได้ 800-1,000 ไร่" สุรีย์ย้อนความหลังครั้งที่เข้าสู่วงการค้าที่ดิน

กว่า 10 ปี ของการทำธุรกิจที่ภูเก็ต สุรีย์เริ่มโครงการพัฒนาที่บ้านเกิด จังหวัดเพชรบูรณ์ ในรูปของการเกษตร โดยความร่วมมือกับอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และชาวบ้าน เพื่อพัฒนาที่ดินบริเวณภูหินร่องกล้า สำหรับปลูกข้าวโพดและต้นสัก ในรูปของสหกรณ์ เนื่องจากที่ดินเป็นของกรมประชาสงเคราะห์ ไม่มีเอกสารสิทธิใด ๆ

ด้วยความร่วมมือระหว่างกรมประชาสงเคราะห์ เจ้าของที่ชาวบ้านเจ้าของแรงงาน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งรับผิดชอบในวิชาการ และส่งนักศึกษาฝึกงานมาช่วยให้ความรู้กับชาวบ้าน กับสุรีย์ผู้เป็นเจ้าของทุน รวม 4 ฝ่าย ก็เริ่มพัฒนาพื้นที่จาก 100-200 ไร่ จนกระทั่งเป็น 2,000 ไร่

"ที่ดินแปลงหนึ่งมีต้นสัก 100 ต้น พออายุได้ 5 ปี ก็ตัดได้ แต่ตัดต้นเว้นต้นแบบสับหว่าง เพื่อส่งโรงงานไปทำปาร์เก้ เราที่จากชาวบ้าน 200 ครอบครัว เขาได้ค่าตอบแทนปีละแสน และยังทำงานกับเราได้เงินเดือนบวกกับส่วนแบ่ง 30% ทุกเที่ยวที่เราขาย ลงทุนไปประมาณ 20-30 ล้านบาท ต้นทุนค่ารักษาบำรุงประมาณ 7,000 บาทต่อไร่ " สุรีย์" แจกแจงรายละเอียดการลงทุนโครงการให้ " ผู้จัดการ" ฟัง

สุรีย์ ไม่เพียงแต่จะทำธุรกิจในต่างจังหวัดเท่านั้น ในกรุงเทพ เธอก็เริ่มเข้าเซ้งกิจการร้านอาหารซันไทม์ในซอยทองหล่อ ต่อจากเพื่อนชื่อ สุพจน์ ศิริรพรเลิศกุล

" เพื่อนเขาอยากเซ้ง เขาชวนเราหุ้น แต่เราไม่ค่อยชอบหุ้นกับใคร เราเป็นคนตรง มีอะไรผิดมาไม่ได้เลย ก็เลยมีความคิดที่จะควบคุมเองเลยของเซ้งต่อราคา 9 ล้านบาท รวมอุปกรณ์เป็น 10 ล้านบาท โดยจะตกแต่งร้านให้หรูหราสไตล์โบราณ มีดนตรี แบบเพลงบันเลง ไวโอลีน" สุรีย์ กล่าว ถึงร้านอาหารของตน

การเข้ามาทำร้านอาหารและโรงแรมครั้งนี้ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่สุรีย์ลงทุนไปในเรื่องที่ตัวเองไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่คราวนี้ เขาได้มืออาชีพในการบริหารธุรกิจการบริการคือ ประกิจ ชินอมรพงษ์ มาเป็นกำลังสำคัญ

ประกิจ นั้น คร่ำหวอดกับธุรกิจโรงแรมมาร่วม 25 ปี คือร่วมงานกับโรงแรมดุสิตธานี 5 แ โรงแรมรีเจ้นท์ 17 ปี และสุดท้าย ที่โรงแรมสุโขทัย อีก 2 ปี ก่อนจะมาเป็นผู้บริหารให้สุรีย์ ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ กลุ่มเพทาเเคิล รับผิดชอบโครงการต่าง ๆ ของกลุ่มไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือโรงแรม

" เรามีแต่ความตั้งใจแต่ไม่รู้เรื่องหรอก โรงแรมที่ภูเก็ตก็เหมือนกัน ทำมา 3-4 ปี สร้างเอง บริหารงานเอง ใครมาเห็นก็อยากจะหัวเราะ ของทุกอย่างดี สถานที่ก็ดี แต่ไม่หลักวิชาการในการบริหาร เราสั่งซื้อสบู่ แชมพู เครื่องแก้วคริสตัลอย่างดีมาใช้ สิบปียังใช้ไม่หมดเลย ก็อยากให้เป็นโรงเรียนด้วย เดิมทำไม่ใหญ่ 40-50 ห้องเท่านั้น ตอนนี้ก็มีคุณประกิจเข้ามาช่วย ก็คงจะดีขึ้น ตอนนี้เริ่มอยากสร้างโรงแรมใหญ่ ๆ ขนาด 350 ห้องบ้างแล้ว " สุรีย์ กล่าว

การมีคนอย่างประกิจเข้ามาช่วย สุรีย์ก็เริ่มคิดขยายธุรกิจออกไป โดยมีโครงการ ร้านอาหาร ซันไทม์ แห่งที่ 2 ที่เวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ ในขณะที่โครงการพัฒนาโรงแรมซอมเมอร์เซทที่ไปซื้อกิจการก็กำลังเริ่มต้นขึ้น

สุรีย์ เล่าว่า ตนเองเคยมีความคิดว่า ถ้าหาเงินได้สักแสนบาทก็จะเลิกทำงาน แต่ ณ วันนี้ จากลูกสาวชาวนา แห่งจังหวัดเพชรบูรณ์ที่ไม่ได้ได้รับการศึกษามากมายเท่าไหร่นัก แต่เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความตั้งอกตั้งใจ เธอคือประธานกลุ่มบริษัทที่มีการลงทุนร่วมพันล้านบาท และยังไม่คิดจะหยุดอยู่เฉย ๆ เหมือนความคิดเดิมแต่หนหลัง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us