Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน26 ธันวาคม 2549
คลังออกบอนด์มูลค่ากว่า3แสนล.ระบุม.ค.50ได้ข้อสรุปสัดส่วนเงินกู้             
 


   
search resources

Bond
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ




สบน.ตั้งเป้าออกพันธบัตรปี 50 กว่า 3.16 แสนล้านบาท ชดเชยขาดดุลและแปลงตั๋วเงินคลังระยะสั้นเป็นพันธบัตร ระบุเดือนม.ค.ได้ข้อสรุปสัดส่วนเงินกู้รูปแบบพันธบัตรและกู้เงินแบงก์ คาดอาจใช้เงินกู้รูปแบบตั๋วสัญญาใช้เงินขึ้นอยู่กับภาวะตลาด ขณะที่รัฐวิสาหกิจขอเพิ่มกรอบเงินกู้ในประเทศ 1.3 พันบ้านบาท ส่งผลวงเงินบริหารหนี้ปี 50 รวม 9.8 แสนล้านบาท ส่วนหนี้สกุลเงินต่างประเทศตั้งเป้าลดสัดส่วนให้เหลือ 8.5% ของพอร์ตหนี้ทั้งหมด

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายหนี้สาธารณะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการบริหารหนี้สาธารณะปี 2550 จากเดิมที่สบน.มีภาระในการบริหารหนี้สาธารณะวงเงิน 839,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลชุดนี้มีการใช้งบประมาณรายจ่ายแบบขาดดุลจำนวน 146,200 ล้านบาท จึงทำให้สบน.ต้องปรับโครงสร้างการบริหารหนี้สาธารณะโดยมีหนี้สาธารณะที่ต้องบริหารในปีงบประมาณ 2550 วงเงินรวมทั้งสิ้น 986,706.79 ล้านบาท

โดยงบประมาณขาดดุล 146,200 ล้านบาทที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 3 มกราคม 2550 นั้นกระทรวงการคลังจะต้องดำเนินการออกพันธบัตรออมทรัพย์โดยเป็นพันธบัตรระยะยาวอายุ 7 ปี และ 10 ปี โดยมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับประมาณ 5.0 – 5.1% ซึ่งผลตอบแทนดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นและมาตรการสกัดการเก็งกำไรของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ส่งผลให้ผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาวเพิ่มขึ้นมาประมาณ 0.2%

ซึ่งในเบื้องต้นสบน.จะดำเนินการออกพันธบัตรระยะยาวจำนวน 316,200 ล้านบาท โดยเป็นพันธบัตรชดเชยการขาดดุล 146,200 ล้านบาทที่ต้องดำเนินการก่อนและแปลงตั๋วเงินคลังระยะสั้นจำนวน 170,000 ล้านบาทให้เป็นพันธบัตรรัฐบาลเพื่อให้กระทรวงการคลังมีวงเงินสำหรับออกตั๋วเงินคลังเพิ่มขึ้น 170,000 ล้านบาทเพื่อใช้เป็นสภาพคล่องในการบริหารเงินต่อไป

“นอกจากการออกพันธบัตรในวงเงิน 3.16 แสนล้านบาทแล้ว สบน.ยังได้พิจารณาการระดมเงินในรูปแบบอื่นๆ ไว้ด้วย เช่นการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ไม่ว่าจะเป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐหรือเอกชน โดยจะเปิดให้มีการประมูลหากธนาคารใดคิดดอกเบี้ยต่ำสุดก็จะกู้เงินจากธนาคารนั้น ซึ่งจะเป็นการกู้ในรูปแบบตั๋วสัญญาใช้เงินหรือพี/เอ็น ทั้งนี้ภายในเดือนมกราคมปีหน้าคาดว่าจะได้ข้อสรุปว่าสัดส่วนในการออกพันธบัตรระยะยาวและการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์จะอยู่ในสัดส่วนเท่าใด” นายพงษ์ภาณุกล่าว

นายพงษ์ภาณุกล่าวว่า จุดประสงค์ในการกู้เงินในตลาดของสบน.ก็เพื่อต้องการให้ตลาดตราสารหนี้ของประเทศมีการพัฒนาโดยเฉพาะในตลาดรองที่การซื้อขายยังมีปริมาณน้อยมากและยังไม่พัฒนาได้เท่าเทียมกับตลาดทุน แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์จริงก็คงต้องทำซึ่งอาจเป็นการกู้ในระยะเกิน 9 เดือนขึ้นไป ทั้งนี้จะต้องพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยในขณะนั้นและผลประโยชน์ที่ประเทศได้รับ

นอกจากนี้คณะกรรมการยังได้อนุมัติการปรับแผนการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจ 2 แห่ง จำนวน 1,316 ล้านบาท ได้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) จำนวน 315 ล้านบาท และการประปานครหลวง(กปน.) จำนวน 1,001 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เพื่อลงทุนของรัฐวิสาหกิจเอง โดยวงเงินกู้บริหารหนี้ทั้งหมดของสบน.นั้นยังถือว่าอยู่ในกรอบความยั่งยืนทางการคลังและตั้งเป้าหมายว่าในสิ้นปี 2550 หนี้สาธารณะจะอยู่ที่ระดับไม่เกิน 41% ของจีดีพีและภาระหนี้ต่องบประมาณอยู่ที่สัดส่วน 14.63%

นายจักกฤศฎ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักเงินกู้ตลาดเงินทุนต่างประเทศ ในฐานะโฆษกสำนักบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) กล่าวว่า แผนการกำหนดความเสี่ยงการบริหารหนี้ต่างประเทศในปี 2550 โดยมีเป้าหมายที่จะลดหนี้สาธารณะในส่วนของหนี้ต่างประเทศลงให้เหลือเพียง 13% ของหนี้สาธารณะทั้งหมด จากสิ้นปีงบประมาณ 2549 อยู่ที่ 16% ของหนี้สาธารณะทั้งหมด

ทั้งนี้สบน.ได้มีการเสนอแผนการบริหารหนี้ต่างประเทศจำนวน 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยจะทำการรีไฟแนนซ์จำนวน 2,500 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และสว็อปประมาณ 2,000 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งหากสบน.ดำเนินการตามแผนที่วางไว้ได้ทั้งหมด จะทำให้ลดหนี้ต่างประเทศไปได้ประมาณ 2,570 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ก็ส่งผลให้หนี้ต่างประเทศลดลงเหลือ 13% ของหนี้สาธารณะทั้งหมดได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us