บล.ไซรัส ทุ่มงบ 100 ล้านบาท เทรดหุ้นผ่านบัญชีบริษัทเป็นปีแรก หวังเพิ่มช่องทางหารายได้เพิ่มขึ้น เพื่อลดสัดส่วนรายได้นายหน้าค้าหลักทรัพย์และเตรียมพร้อมรับมือเปิดเสรีค่าคอมมิชชัน คาดเริ่มลงทุน ก.พ.-มี.ค.นี้ ด้านเอ็มดี "นายสมภพ" เล็งเพิ่มลูกค้าสถาบันเป็น 15% จากปัจจุบันที่มี 10% ดันมาร์เกตแชร์ปีหน้า 1.2% จากปีนี้ที่ 0.8%

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ SYRUS เปิดเผยว่า ในปี 2550 บริษัทตั้งงบลงทุนในการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านบัญชีบล.ไซรัส จำนวน 50-100 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นลักษณะการลงทุนระยะสั้น โดยคาดว่าจะเริ่มลงทุนได้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ หรือเดือนมีนาคมนี้ เพื่อเป็นการกระจายฐานรายได้ของบริษัทให้มากขึ้น และลดการพึ่งพิงรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนสูงถึง 85% รวมถึงเป็นการเตรียมพร้อมในการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (ค่าคอมมิชชัน)

ทั้งนี้ ในปี 2550 บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) ไว้ที่ 1.2% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีนี้ที่คาดว่ามาร์เกตแชร์จะอยู่ที่ประมาณ 0.8% โดยบริษัทมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนลูกค้านักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็น 15% จากปัจจุบันที่อยู่ประมาณ 10% บวกกับการที่บริษัทมีการซื้อขายหุ้นผ่านพอร์ตของบริษัท จะทำให้รายได้และมาร์เกตแชร์ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น

ส่วนธุรกิจด้านการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเสนอขายหุ้นเป็นครั้งแรก (IPO) และการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน (PO) คาดว่าจะอยู่ที่ 5 บริษัท

"ปีหน้าจะเป็นปีแรกที่บริษัทจะมีการซื้อขายหุ้นผ่านพอร์ตของบริษัท ซึ่งจะเป็นการขยายฐานรายได้อีกทางหนึ่ง จากขณะนี้ที่บริษัทมีรายได้หลักจากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 85% การลงทุนในกองทุนโดยผ่านบลจ.จำนวน 100 ล้านบาท และมีรายได้จากการเป็นที่ปรึกษา รายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผล ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้รายได้ของบริษัทมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และจะทำให้มาร์เกตแชร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทที่มีจำนวน 800 ล้านบาท" นายสมภพ กล่าว

สำหรับการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดโอกาสให้บริษัทหลักทรัพย์สามารถนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศได้นั้น บล.ไซรัส มีความสนใจที่จะไปลงทุนในต่างประเทศ แต่จะเป็นลักษณะการลงทุนโดยผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุนต่างประเทศ เพราะบริษัทไม่มีประสบการณ์ที่จะไปลงทุนในต่างประเทศ

สำหรับแนวโน้มและทิศทางตลาดหุ้นไทยในปี 2550 นั้น นายสมภพ กล่าวว่า ตลาดหุ้นปีหน้าคาดว่าจะไม่สดใสมากนัก หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศใช้มาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินบาท แม้จะมีการยกเลิกในการใช้มาตรการในตลาดหุ้นไปแล้ว แต่ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติยังไม่มั่นใจที่จะเข้ามาลงทุน ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการสร้างความมั่นใจ

นอกจากนี้ ปัจจัยทางการเมืองยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่จะเข้ามามีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย ดังนั้นจึงต้องมีการติดตามในเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด โดยคาดว่าปีหน้ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันจะอยู่ที่ประมาณ 18,000-19,000 ล้านบาท หลังจากการที่มีบริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงการเพิ่มทุนของบริษัทจดทะเบียนด้วย