ภายหลังการเข้ามาบริหารงานบริษัท เจ อาร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัดของมารุต อ้วนไตร
ลูกคนที่ 3 รัชนีก็เริ่มวางมือจากการดูแลร้าน "เจ๊รัช" หันมาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับงานสังคม
และเข้าไปถือหุ้นดำเนินธุรกิจตัวอื่น ที่สำคัญๆ เช่น ร่วมทุนตั้งบริษัทนอร์ธ
อีสต์เทิร์น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัดเมื่อปี 2537 ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลประชาเวช
พร้อมกับได้ให้มารุตเข้าไปเป็นกรรมการบริษัทด้วย
โรงพยาบาลประชาเวช เป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ในจังหวัดขอนแก่น ใช้ทุนจดทะเบียน
360 ล้านบาท สร้างตึกสูง 10 ชั้น 220 เตียง บนพื้นที่ 15 ไร่ ติดถนนมะลิวัลย์
ด้านข้างมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นการลงหุ้นร่วมกันระหว่างนักธุรกิจ และนักการแพทย์ในจังหวัดขอนแก่น
โดยมีหุ้นส่วนใหญ่ 2 รายคือ รัชนี อ้วนไตร และโกเมศ ฑีฆธนานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท
อุดรเจริญศรี (1968) จำกัด เจ้าของกิจการจำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ และวอลโว่
ถือหุ้นคนละ 35%
หลังเปิดให้บริการได้ไม่ถึง 2 ปี นับจากปี 2538 ต้องประสบปัญหาเศรษฐกิจ
ผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลไม่เป็นไปตามเป้า จนต้องปรับองค์กร เพื่อลดค่าใช้จ่ายทุกด้าน
ขณะที่ลูกค้าไปใช้บริการน้อยลง เพราะในจังหวัดขอนแก่นมีโรงพยาบาลเอกชนคู่แข่งอีก
2 ราย คือ โรงพยาบาลขอนแก่นราม และโรงพยาบาลราชพฤกษ์
ผลจากการลอยตัวค่าเงินบาทของรัฐบาล ทำให้โรงพยาบาลประชาเวชต้องมีหนี้สินเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวกว่า
100 ล้านบาท เพราะบริษัทใช้เงินกู้จากแหล่งเงินทุนต่างประเทศ การระดมทุน
เพื่อประคองกิจการเกิดขึ้นเป็น ระยะๆ จนส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงินของรัชนีในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่
เพราะเงิน ที่สั่งสมจากกิจการร้านเจ๊รัชมาตลอดกว่า 30 ปี ได้ทุ่ม เพื่อลงโครงการ
นี้ไปจำนวนไม่น้อย
ในราวเดือนกันยายน 2540 บริษัทนอร์ธอีสต์เทิร์น ดีเวลลอปเม้นท์ได้ลงประกาศลดทุนจดทะเบียนจำนวน
60 ล้านบาท ในหน้าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น 4 ฉบับรวด ลงนามโดยโกเมศ ในฐานะประธานกรรมการ
และรัชนี ในฐานะกรรมการบริหารบริษัท ระบุว่าการลดทุนจดทะเบียนดังกล่าวเป็นส่วนของหุ้นบุริมสิทธิจำนวน
6 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 60 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาการบริหารงานภายในบริษัทฯ
ปัญหาหนี้สิน ที่เกิดขึ้นกับธุรกิจโรงพยาบาลประชาเวช สร้างความสะเทือนใจให้กับรัชนีเป็นอย่างมาก
กระทั่งมีข่าวลือในสังคมคนขอนแก่นว่ารัชนีคิดมากจนถึงกับคิดฆ่าตัวตาย เพราะเป็นธุรกิจนอกไลน์
ที่ไม่ถนัด และเป็นเงินก้อนใหญ่ ที่ทุ่มลงไปเป็นครั้งแรกของตระกูล "อ้วนไตร"
ต้องจมอยู่กับโรงพยาบาลแห่งนี้