Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน25 ธันวาคม 2549
ซิกโก้เปิดช่องพันธมิตรตปท.เจรจา             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ซิกโก้, บล.
ศิริพงษ์ สุทธาโรจน์
Funds




บล.ซิกโก้ พร้อมเปิดทางพันธมิตรต่างชาติเจรจาร่วมทำธุรกิจ ตั้งเป้ามาร์เกตแชร์ปีหน้า 2.5% ผู้บริหารชี้ทางรอดของธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ที่จำนวนนักลงทุน ระบุหากไม่เพิ่มจากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 3 แสนบัญชี หรือ 0.4% ของประชากรทั้งประเทศไม่ว่าจะโบรกฯเล็กหรือโบรกฯใหญ่ตายหมด

นายศิริพงษ์ สุทธาโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงเป้าส่วนแบ่งการตลาด หรือ มาร์เกตแชร์ของบริษัทว่า ในปีหน้าบริษัทตั้งเป้ารักษามาร์เกตแชร์ให้อยู่ในระดับประมาณ 2.5% ซึ่งใกล้เคียงกับปีนี้ โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจะพบว่ามาร์เกตแชร์ของบริษัทไม่ปรับขึ้นเลยแต่กลับปรับตัวลดลงเล็กน้อยเนื่องจากลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนในประเทศซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวไม่ค่อยมีบทบาทต่อตลาดหุ้นไทยเนื่องจากนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามีบทบาทต่อตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก บริษัทหลักทรัพย์ใดที่มีนักลงทุนต่างชาติในสัดส่วนที่สูงก็จะได้รับผลดี ขณะนี้บริษัทหลักทรัพย์ใดที่มีฐานลูกค้าเป็นนักลงทุนในประเทศก็ได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ แม้ว่ามาร์เกตแชร์ของบริษัทจะปรับตัวลดลงแต่พบว่าสัดส่วนของนักลงทุนของบริษัทโดยเฉพาะสัดส่วนนักลงทุนรายย่อยในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันสัดส่วนอยู่ที่รายย่อยประมาณ 90% และนักลงทุนสถาบันประมาณ 10%

สำหรับการปรับตัวเพื่อรองรับการเพิ่มเสรีค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหลักทรัพย์และเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์บริษัทได้มีการลดต้นทุนในเรื่องต่างๆค่อนข้างมากเพื่อเป็นการปรับตัว เช่น การปิดสาขาที่ไม่สร้างกำไรให้กับบริษัทจำนวน 4 สาขารวมถึงการบริหารต้นทุนในเรื่องอื่นๆ

นอกจากนี้บริษัทพร้อมเปิดทางในการเข้ามาเจรจาของพันธมิตรทั้งจากในประเทศและต่างประเทศเพื่อเข้ามาสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทอย่างเต็มที่

"เราเปิดรับบริษัทที่สนใจจะเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรของบริษัทอย่างเต็มที่ เพื่อเข้ามาช่วยสร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขันให้กับบริษัท โดยปัจจุบันบริษัทวางตัวเองเป็นบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศ มีลูกค้าเป็นนักลงทุนในประเทศเป็นส่วนใหญ่ การได้พันธมิตรจากต่างประเทศเข้ามาเสริมก็เป็นเรื่องที่ดี"นายศิริพงษ์กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ซิกโก้ กล่าวอีกว่า ปัจจัยสำคัญที่จะรองรับการเปิดเสรีในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ คือ ฐานนักลงทุนที่จะต้องมีมากกว่าในปัจจุบัน โดยปัจจุบันตลาดทุนไทยมีนักลงทุนอยู่เพียง 3 แสนบัญชีเมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศอยู่ที่ 0.45 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาโดยหากก่อนเปิดเสรีจำนวนนักลงทุนไม่เพิ่มไม่ว่าจะเป็นบริษัทหลักทรัพย์ขนาดใหญ่หรือบริษัทหลักทรัพย์ขนาดเล็กไม่น่าจะอยู่รอดในสภาวการณ์เช่นนั้นได้

ทั้งนี้ ในเรื่องการสร้างฐานนักลงทุนหน้าใหม่ให้กับตลาดหุ้น บล.ซิกโก้ คิดในเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด โดยเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวรูปแบบการออมในลักษณะการลงทุนขึ้นในชื่อว่า Easy Wealth Builder ซึ่งได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องแล้วประมาณ 4 ปีแต่เพิ่งได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงเกือบ 2 เดือนที่ผ่าน

ในส่วนของรูปแบบการออมดังกล่าวจะมีลักษณะเป็นการลงทุนที่ต่อเนื่องเพื่อเป็นการสร้างวินัยในการลงทุนให้กับนักลงทุน โดยบริษัทจะให้นักลงทุนลงทุนแบบทุกเดือนในจำนวนที่เท่ากันในอัตราขั้นต่ำ 1,000 บาท ซึ่งนักลงทุนจะสามารถเลือกหลักทรัพย์ที่จะลงทุนได้จากหลักทรัพย์ที่อยู่ใน SET50 ซึ่งถือว่าเป็นหลักทรัพย์ที่มีมาร์เกตแคปสูง อัตราการเติบโตดี มีสภาพคล่อง

สำหรับ การออมในลักษณะดังกล่าวบริษัทถือว่านอกเหนือจากการสร้างวินัยให้กับนักลงทุนที่สนใจจะออมผ่านการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แล้วการสร้างความมั่นใจโดยใช้หลักการที่จะไม่ให้นักลงทุนต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่รุนแรงจนทำให้เกิดความกลัวต่อการลงทุนจนไม่กล้าไม่ที่จะเข้ามาลงทุนอีกเป็นการให้นักลงทุนรับรู้ถึงความเสี่ยงและโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนแบบค่อยเป็นค่อยไป

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการออกรูปแบบการออมดังกล่าวถือว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนค่อนข้างดีโดยเกือบ 2 เดือนมีนักลงทุนเปิดบัญชีกับบริษัทเพิ่ม 120 บัญชีขณะที่ตลอด 4 ปีที่ผ่านมามีนักลงทุนเปิดบัญชีประมาณ1,100 บัญชี ซึ่งบริษัทตั้งเป้าไว้ว่าในปีหน้าจะมีนักลงทุนเปิดบัญชีเพิ่มเป็น 3 พันบัญชี โดยการลงทุนในลักษณะดังกล่าวสิ่งที่ได้ตามมาคือบัญชีที่เป็นบัญชีที่ซื้อขายแบบสม่ำเสมอทั้ง 100% ซึ่งจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us