STEEL เผยปี 50 ยังคงเติบโตได้ที่ระดับ 30% แจงสินค้าตัวใหม่ C & Z Purlins จะทำเงินเข้ามาประมาณ 55 ล้านบาท พร้อมรุกตลาดในต่างจังหวัดเพิ่มช่องทางการจำหน่าย เผยการเจรจากับพันธมิตรที่ดีลกันอยู่คาดได้ข้อสรุปปีหน้า

นายประสิทธิ์ อุ่นวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตีล อินเตอร์เทค จำกัด (มหาชน) (STEEL) เปิดเผยแผนงานปี 50 ว่า บริษัทจะปรับเปลี่ยนการจำหน่ายสินค้าจากเดิมที่ขายให้โดยผ่านทางตัวแทนจำหน่าย 40% และขายให้งานโครงการ 60% จะเปลี่ยนเป็นอย่างละ 50% ขณะที่เป้าหมายการเติบโตปีหน้าจะอยู่ที่ะดับ 30%

โดยเป็นผลจากการที่สินค้าตัวใหม่อย่าง C & Z Purlins( แปเหล็กรูปตัว C และ Z ) ซึ่งเป็นเหล็กแปที่มีคุณภาพสูงว่า ทั้งผลิตภัณฑ์ C Purlin และ Z Purlin และเริ่มผลิตอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งสินค้าใหม่นี้ล้าช้ากว่ากำหนด เนื่องจากบริษัทมีปรับเปลี่ยนนโยบายจะผลิตทั้ง C และ Z Purlin ในเครื่องจักรเครื่องเดียวกัน แต่เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจึงตัดสินใจจะแยกเครื่องจักรการผลิต จึงจำเป็นต้องรอเครื่องจักรใหม่ ทำให้ระยะเวลาในการผลิตเชิงพาณิชย์ต้องยืดออกไปแต่จะส่งผลดีในอนาคต ที่บริษัทสามารถขยายธุรกิจได้อย่างดี

สำหรับจุดเด่นของสินค้าตัวใหม่นี้ จะผลิตด้วยการรีดขึ้นรูปจากแผ่นเหล็กกล้ากำลังสูงที่เคลือบกันสนิม GALVASPAN ลิขสิทธิ์การผลิตของ บริษัท บลูสโคป สตีล (ประเทศ ไทย) จำกัด คุณภาพตามมาตรฐาน AS1397-1993 ของประเทศออสเตรเลีย เป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบากว่าเหล็กดำ (MILD STEEL) ที่มี จำหน่ายในท้องตลาด แต่มีความแข็งแรงกว่าเพราะเป็นเหล็กกล้ากำลังสูง ระบบแปประกอบด้วยตัวแป และ SAGROD, BRIDGING รวม ทั้งอุปกรณ์เสริมครบครัน จึงทำให้ติดตั้งได้สะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลากว่า ซึ่งจะใช้ในงานแปหลังคาและโครงคร่าวผนัง และจากคุณภาพที่ดีเยี่ยม จะทำให้สามารถใช้กับโครงสร้างขนาดใหญ่ หรือเล็กได้

นายประสิทธิ์กล่าวเพิ่มว่า สินค้าที่ออกใหม่ล้าช้าไปจากกำหนดการเดิมที่คาดว่าจะจำหน่ายได้กลางปี แต่เริ่มจำหน่ายจริงจังได้ปีหน้าเป็น โดยคาดว่ารายได้เฉพาะเพียงจาก C & Z Purlins จะอยู่ที่ประมาณ 55 ล้านบาท และบริษัทจะเน้นการทำตลาดในภาพกว้างมากขึ้น พร้อมกับนำเสนอสินค้าตัวใหม่ควบคู่กันไป ซึ่งเป้าหมายในต่างจังหวัดเป็นเป้าหมายสำคัญในปีหน้าโดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะเน้นการเพิ่มตัวแทนให้มากขึ้น

"ปีหน้าการเติบโตของเราน่าจะทำได้ตามเป้า เพราะจากยอดขายของ C & Z Purlins ที่คาดว่าจะขายได้ 55 ล้านบาท จากสินค้าตัวนี้ ยอดขายจากต่างจังหวัดที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5% และยอดขายปกติที่เราทำอยู่ไม่ต่ำกว่า 10% โดยรวมแล้ว เราน่าจะไม่พลาดเป้า ส่วนไตรมาส 4 ปีนี้ก็เข้าเป้าที่ตั้งไว้ " นายประสิทธิ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ปี 50 ยังต้องจับจากทิศทางของอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ด้วย เนื่องจากปี 49 แนวโน้มชะลอตัวเห็นได้จากภาคของการขายพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ลดลงจากเป้าหมาย เนื่องจากต่างชาติไม่เข้ามาลงทุนเท่าใดนัก เพราะการสร้างโรงงานต่าง ๆ ตลอดจนงานก่อสร้างอื่น ก็ต้องอาศัยโครงสร้างสำเร็จรูปและเหล็กที่เป็นงานของบริษัทผลิต

นอกจากนี้ STEEL เอง ก็ต้องหันมาลดต้นทุนการผลิตของบริษัทด้วยเช่นกัน เนื่องจากยังมองว่าปีหน้า หลายหน่วยงานประเมินว่าปีหน้าจะเป็นปีที่เศรษฐกิจโดยรวมไม่เติบโตนัก แต่จากการที่บริษัทได้ผ่านวิกฤตมาแล้ว และนำพาบริษัทให้เติบโตได้ เพราะการเน้นควบคุมต้นทุนการผลิตและการบริหารให้ได้ดีต่อเนื่อง และบริษัทก็ต้องใช้นโยบายนี้ต่อไปเหมือนที่ผ่านมา

นายประสิทธิ์กล่าวถึงการเจรจากับพันธมิตรที่จะจับมือกันเพื่อหนุนการทำธุรกิจที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปสิ้นปีนี้ ได้เลื่อนไปเป็นปีหน้า เพราะมีเงื่อนไขหลายอย่าง ตลอดจนพันธมิตรรายนี้ต้องเจรจากับคู่ค้าก่อน เพื่อที่จะมาลงขันร่วมกันทำธุรกิจ ซึ่งจะหนุนช่องทางในการดำเนินธุรกิจของ STEEL

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ STEEL มีกำไรสุทธิ 7.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มี 7.56 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 21.79 ล้านบาท และมียอดขายงวด 9 เดือนอยู่ที่ 92.37 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มี 107.73 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารงวดดังกล่าวปีนี้เพิ่มขึ้น