Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน22 ธันวาคม 2549
ธุรกิจหนังปีหน้าบูมยอดทะลุ5พันล."จีทีเอช"เปิดศึก 8เรื่องโกยรายได้             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท ฮับ จำกัด

   
search resources

วิสูตร พูลวรลักษณ์
Films
จีเอ็มเอ็ม ไท ฮับ, บจก.




ธุรกิจภาพยนตร์ปีหน้าคาดพุ่งถึง 5,000 ล้านบาท สูงสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา เหตุมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากต่างประเทศจ่อคิดเข้าฉายเพียบ ฟากภาพยนตร์ไทยมี "นเรศวร"เป็นหัวหอกนำทัพกวาดรายได้เช่นเดียวกัน ค่าย"จีทีเอช"เตรียมวางหมากลงสู้ อัดภาพยนตร์ลงจอกว่า 8 เรื่อง คาดรายได้แตะ 700ล้านบาท

นายวิสูตร พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทจีเอ็มเอ็ม ไท ฮับ จำกัด หรือ จีทีเอช เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจภาพยนตร์ในปีหน้า คาดว่าจะมีมูลค่าสูงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท เนื่องจากมีภาพยนตร์ทั้งไทยและต่างประเทศ เตรียมเข้าฉายเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าจะมีภาพยนตร์จากต่างประเทศเข้าฉายอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 300 เรื่อง แต่บางเรื่องอาจจะเข้ามาในรูปแบบ ดีวีดี และวีซีดีแทน หากเป็นภาพยนตร์ระดับรอง หรือมองดูแล้วไม่อยู่ในความสนใจในช่วงเวลานั้นๆ

โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนตั้งแต่เดือนพ.ค. -ส.ค.นั้น จะมีภาพยนตร์ต่างประเทศฟอร์มยักษ์หลายเรื่องที่จะเข้าโรงฉาย ได้แก่ สไปเดอร์แมน 3, ไพรเรท ออฟ เดอะ คาริบเบียน3, แฮร์รี่ พอตเตอร์ และเอเลี่ยน ปะทะ พรีเดเตอร์ 2 ซึ่งแต่ละเรื่องจะเป็นภาพยนตร์ภาคต่อที่สร้างรายได้ค่อนข้างสูง ส่วนภาพยนตร์ไทยนั้น คาดว่าจะมีภาพยนตร์เข้าโรงฉายไม่ต่ำกว่า 50 เรื่อง เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมในปีนี้ที่เข้าฉาย 43 เรื่อง นำโดยภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง "นเรศวร" ที่มีทั้งหมด 2 ภาค พร้อมเข้าโรงฉายช่วงเดือนมกราคมที่จะถึงนี้

"ปีหน้าถือเป็นปีที่ธุรกิจภาพยนตร์เติบโตสูงสุดที่เคยมีมา โดยเกิดจากปัจจัยทางด้านตัวภาพยนตร์เอง ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศนั้น คาดว่าภายนตร์เรื่อง "นเรศวร" จะส่งผลให้สัดส่วนรายได้ในกลุ่มภาพยนตร์ไทยเติบโตขึ้นสูงมาก คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท จากเดิมในปี2549 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ 1,150 ล้านบาท"

ทั้งนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะนำภาพยนตร์เข้าฉายในปีหน้าจำนวน 8 เรื่อง ได้แก่ ไฟนอล สกอร์ 365 วัน ตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์ เข้าฉายเดือนกุมภาพันธ์, แฝด เข้าฉายเดือนมีนาคม, สายลับจับบ้านเล็ก เข้าฉายเดือนมิถุนายน เป็นต้น โดยยังมีอีก 3 เรื่องที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการสรุปงานอยู่ แต่คาดว่าใน 1 เรื่อง จะเป็นภาพยนตร์รักโรแมนติก และอีก 2 เรื่องจะเปิดกล้องช่วงต้นปี 2550

สำหรับภาพยนตร์แต่ละเรื่องนั้น ปกติจะใช้งบลงทุนเฉลี่ยเรื่องละ 30-40 ล้านบาท แต่มีเพียงไฟนอล สกอร์ฯ ที่ใช้งบลงทุนน้อยที่สุดเพียง 15 ล้านบาท นื่องเป็นภาพยนตร์ในรูปแบบเรียลิตี้ ไม่มีค่าโปรดักส์ชั่นเฮาส์ ส่วนภาพยนตร์ที่ใช้งบสูงสุด คือ แฝด 60 ล้านบาท เชื่อว่าภาพยนตร์ทั้ง 8 เรื่อง จะสร้างรายได้ให้ไม่ต่ำกว่า 600-700 ล้านบาท

สำหรับรายได้ในปีนี้ คาดว่าจะมีมูลค่า 470 ล้านบาท (เป็นรายได้ที่ยังไม่ได้หักส่วนหนึ่งให้ทางโรงภาพยนตร์) มาจากรายได้จากการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 50 % และรายได้เสริมจากส่วนอื่นๆ 50 % เช่น สปอนเซอร์ และการขายสิทธ์ให้ต่างประเทศ โดยในปีนี้มีภาพยนตร์เข้าฉายจำนวน 6 เรื่อง น้อยกว่าเป้าที่วางไว้ 9 เรื่อง เนื่องจากช่วงจังหวะเวลาในการลงโรงฉายที่มีปัญหา เช่น ชนกับภาพยนตร์ต่างประเทศ หรือภาพยนตร์ไทยที่เป็นแนวเดียวกัน

ภาพรวมของธุรกิจภาพยนตร์ในปีนี้ มีภาพยนตร์ไทยที่สร้างรายได้ใกล้เคียง 100 ล้านบาท เพียง 2 เรื่อง คือ ก้านกล้วย และ โหน่งเท่ง นักเลงภูเขาทอง จากจำนวนภาพยนตร์ไทยที่เข้าฉายทั้งหมด 43 เรื่อง คิดเป็นสัดส่วน 30 % คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,150 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวม 3,700-3,800 ล้านบาท ซึ่งเฉลี่ยแต่ละเรื่องจะสร้างรายได้อยู่ที่ 26 ล้านบาท ส่วนภาพยนตร์ต่างประเทศที่สร้างรายได้เกิน 100 ล้านบาท ได้แก่ เอ็มไอ3 และไพรเรท ออฟ เดอะ คาริบเบียน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us