|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ซีเอ็ม วางเป้าหมาย 3 ปี ต้องโกยรายได้ 1,000 ล้านบาท เปิดแผนรุกหนักทั้งในและต่างประเทศ โดยปีหน้าเริ่มวางรากฐานองค์กร คาดรายได้เติบโตไม่มากแค่ 5% ปัดฝุ่นแผนลุยกลุ่มธุรกิจซีเอ็มอี ด้านต่างประเทศประเดิมผุดบริษัทร่วมทุนกับกลุ่มบายนในกัมพูชาลงทุนกว่า 10ล้านบาท คิวต่อไปเล็งที่จีนกับเวียดนาม
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตในช่วง 3 ปีนับจากนี้ จะมีผลประกอบการ 1,000 ล้านบาท ทั้งจากในและต่างประเทศ โดยในส่วนของต่างประเทศนั้นจะมีธุรกิจที่เข้าไปตั้งบริษัทร่วมทุนอย่างต่ำ 2ประเทศ และมีกิจกรรมในอีก 5ประเทศ ส่วนตลาดในประเทศไทยจะใช้งบลงทุนเฉลี่ย 50ล้านบาทต่อปี โดยยึดนโยบาย"ก้าวร้าวทางการตลาดแต่อนุรักษ์นิยมด้านการเงิน"
ในช่วงปีหน้าจะเป็นปีแรกของการเดินไปสู่เป้าหมาย โดยจะเป็นปีที่บริษัทฯ เริ่มวางรากฐานองค์กรให้มั่นคงและมีศักยภาพมากขึ้น จึงอาจจะมีอัตราการเติบโตของผลประกอบการไม่มากนัก เพราะเน้นการปรับองค์กรให้มีความพร้อมคาดว่าจะเติบโต 5% ขณะที่เศรษฐกิจประเทศจะโต 5% ส่วนธุรกิจอีเวนต์โดยรวมจะเติบโต 8% ในขณะที่ปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้เติบโต 20% จากปีที่แล้ว โดยช่วง 9เดือนแรกของปี 2549 บริษัทฯมีรายได้รวม 540 ล้านบาท และมีกำไร 65 ล้านบาท ขณะที่รายได้ปีที่แล้วทั้งปีมีประมาณ 512ล้านบาท และมีกำไร 30 ล้านบาท
การตั้งอัตราเติบโตปีหน้าแค่ 5% เป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจ ที่จะทำให้สภาพตลาดอีเวนต์โดยรวมโตแค่ 8% เนื่องจากคาดว่าเม็ดเงินอีเวนต์จากภาครัฐจะหายไปมาก จากปีนี้ที่มีเม็ดเงินสะพัดกว่า 4,000-5,000 ล้านบาท ส่วนงานของภาคเอกชนนั้นก็จะปรับเป็นงานอีเวนต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นแต่ลดความถี่ลง ซึ่งปีหน้าทุกบริษัทฯ จะต้องมุ่งเน้นงานทางภาคเอกชนมากขึ้น ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างการเสนอประมูลงานประมาณ 5-6 โครงการ มูลค่างานรวมไม่ต่ำวกว่า 200 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินงานสู่เป้าหมาย 3ปี ในส่วนของตลาดต่างประเทศ ล่าสุดได้ร่วมมือกับบริษัท บายน เรดิโอ แอนด์ เทเลวิชั่น จำกัด ผู้ประกอบการโทรทัศน์รายใหญ่ของกัมพูชา ตั้งบริษัท บายน ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ จำกัด ใช้เงินลงทุน 10 ล้านบาท โดยบริษัทถือหุ้น 75% เพื่อเน้นรับงานทางด้านอีเวนต์ท่องเที่ยวและธุรกิจไมซ์และงานต่างๆ คาดว่าจะสร้างรายได้ปีแรก 36 ล้านบาท ส่วนประเทศอื่นอยู่ระหว่างเจรจาเช่น จีนและเวียดนาม
"การรุกตลาดในต่างประเทศนั้น จะเน้นหนักธุรกิจทางด้านใด ขึ้นอยู่กับสภาพของตลาดในประเทศนั้น รวมทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคด้วย เพราะจะแตกต่างกัน เช่น ในกัมพูชา ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีการเติบโตมาก เราจึงต้องรองรับทางด้านนี้ รวมทั้งธุรกิจสื่อด้วยที่เริ่มบูม แต่ในเวียดนามนั้น ตลาดคอนซูเมอร์โปรดักต์ก็เติบโตดี ก็ต้องแล้วแต่การสำรวจวิจัยว่าจะทำอะไรที่เหมาะสม"
ขณะที่แผนการรุกในประเทศนั้นจะใช้เงินลงทุนเฉลี่ย 50ล้านบาทต่อปี ยึดนโยบาย 4 ธุรกิจหลักคือ 1.พีอีโอ ( พรีเซ็นเทชั่น-เอ็กซ์ซิบิชั่น-ออร์กาไนเซอร์) 2.ซีเอ็มอี ( คอร์ปอเรทมาร์เกตติ้งอีเว้นท์) 3.เอซีอี (อาร์ท-คัลเจอร์-เอนเตอร์เทนเม้นท์) 4.เอ็มไอซีอี ( มีทติ้ง-อินเซนทีฟ-คอนเวนชั่น-เอ็กซ์ซิบิชั่น) โดยสัดส่วนรายได้หลักนั้นจะยังคงมาจาก กลุ่มธุรกิจซีเอ็มอี
"ธุรกิจซีเอ็มอีหรือ คอร์ปอเรท มาร์เกตติ้ง อีเว้นท์ นั้น เป็นตลาดที่ทำรายได้หลักของเรา มาตลอด ซึ่งเคยสูงกว่า 300-400 ล้านบาท แต่ปัจจุบันแม้จะใหญ่สุดแต่ก็ลดอัตรารายได้ลงมาเหลือแค่ 200 กว่าล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากเราไปมุ่งขยายในส่วนอื่นมากขึ้นจนประสบความสำเร็จ ดังนั้นในปีหน้านอกจากจะขยายส่วนอื่นแล้ว ในส่วนของซีเอ็มอีนี้เราจะกลับมารุกหนักมากขึ้น เพื่อทวงตำแหน่งผู้นำตลาดส่วนนี้" นายเสริมคุณกล่าว
นายเสริมคุณ กล่าวต่อว่า รูปแบบการรุกของซีเอ็มอีนี้คือ 1.การพัฒนาระบบแอคเคาน์เพื่อสร้างบริการต่อเนื่องในหมวดต่างๆ 2.ลงทุนทางด้านเทคโนโลยีและอุปกรณ์ด้านเครือข่าย 3.ขยายบริการลักษณะไอเอ็มซีมากขึ้น เช่น การทำดาต้าเบสของลูกค้า การทำพีอาร์ การทำวิจัยบตลาดบางส่วน 4.เพิ่มบุคลากรที่มีความชำนาญมากขึ้น
สำหรับธุรกิจอีเวนต์ที่บริษัทฯจัดขึ้นเองนั้นก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะให้ความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากสาเหตุหนึ่งมาจากการที่งานอีเวนต์ของภาครัฐจะน้อยลงด้วย ซึ่งขณะนี้บริษัทฯมีงานอีเว้นท์ที่จัดขึ้นเอง 3งาน เช่นหัวหินแจ๊ส และรับบริหาร 1งานคือ เอเชียนไมซ์ มูลค่างาน 30ล้านบาท โดยในปีหน้าคาดว่าจะจัดเพิ่มอีก 3งาน ซึ่งปีนี้ทำรายได้ให้กับบริษัทฯไม่มากแค่ 15% คาดว่าปีหน้าจะเพิ่มเป็น 20%
ส่วนธุรกิจการผลิตรายการโทรทัศน์นั้น หลังจากที่ปีนี้ได้เริ่มขยายเข้าสู่ธุรกิจนี้ด้วยการผลิตรายการ สยามศิลปิน ออกอากาศทางช่อง ไอทีวี เริ่มเมื่อต้นเดือนธันวาคมนี้ เป็นรายการเชิดชูศิลปินเอก 12ท่าน เนื่องจากบริษัทฯมีความชำนาญทางด้านงานศิลปะวัฒนธรรม บันเทิง คาดว่าจะสร้างรายได้ในไตรมาสแรกปีหน้า 10ล้านบาท แต่ในปีหน้ายังไม่มีนโยบายที่จะผลิตรายการเพิ่มขึ้น
|
|
|
|
|