เวิร์คพอยท์ฯ เตรียมลุยธุรกิจอีเวนต์มากขึ้นในปีหน้า พร้อมทุ่มงบอีก 80ล้านบาท ผลิตรายการเพิ่ม ล่าสุดผนึกกับมีเดียออฟมีเดียส์ทำรายการใหม่ มหานครแนววาไรตี้ ป้อนช่อง 7 ยาว 2 ชั่วโมงทุกวันอังคาร ลั่นปีหน้าได้เวลาออกอากาศเพิ่มไม่ต่ำกว่า 400นาที จับมือเสี่ยเจียงสร้างหนังต่ออีก 2 เรื่อง มั่นใจปีหน้าเติบโต 20%

นายครรชิต ควะชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯ มีแผนที่จะใช้งบประมาณการลงทุนไม่ต่ำกว่า 70-80 ล้านบาท เน้นใช้ในการผลิตรายการต่างๆ และอุปกรณ์เล็กน้อยบางส่วน รวมทั้งการทำธุรกิจใหม่ๆ ที่มีโอกาส เพื่อสร้างการเติบโตและรายได้เพิ่มมากขึ้น ส่วนในเรื่องของอุปกรณ์หลัก โรงถ่ายและสตูดิโอนั้นยังไม่มี เนื่องจากว่าในปีนี้ได้ลงทุนไปแล้ว

โดยในส่วนของธุรกิจใหม่นั้น จะเริ่มทำให้มีความเข้มข้นและชัดเจนมากขึ้น คือ อีเวนต์ มาร์เกตติ้ง ด้วยการนำเอาคอนเท้นต์ที่มีอยู่ของบริษัทฯ มาต่อยอดทางธุรกิจ เช่น รายการชิงช้าสวรรค์ ที่จะนำมาทำเป็นกิจกรรมตามต่างจังหวัด เป็นต้น

ขณะที่รายการใหม่นั้นในปีหน้าคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งล่าสุดคือ รายการมหานคร ที่ร่วมผลิตกับทางบริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด (มหาชน) ออกอากาศทางช่อง 7 ทุกวันอังคาร เวลา 22.25-24.25 น. ขณะเดียวกันก็ยังมีการเสนอรายการใหม่ๆ ให้กับทางช่อง 9 พิจารณาอยู่เช่นกัน

นายครรชิต กล่าวต่อว่า จากการขยายรายการใหม่นี้ ทำให้บริษัทฯ คาดว่าในปีหน้าจะมีเวลาในการออกอากาศทั้งหมดเพิ่มขึ้นอีก 20% หรือประมาณ 400 นาที ซึ่งขณะนี้ได้มาแล้ว 150 นาที เช่น จากรายการแฟนพันธ์แท้ได้เวลาเพิ่มอีก 30 นาที จากปัจจุบันที่มีเวลาออกอากาศประมาณ 1,287 นาที

ส่วนแผนการผลิตภาพยนตร์นั้นจะมี 2 เรื่องใหญ่ คือ เรื่อง เท่งโหน่งคนมหาเฮีย ฉายเดือนพฤษภาคม ลงทุน 25 ล้านบาท คาดรายได้ 100ล้านบาทขึ้นไป และอีกเรื่องที่คาดว่าจะได้รายได้ 100 ล้านบาทขึ้นไปเช่นกัน ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้ร่วมลงทุนสร้างกับทางบริษัท สหมงคลฟิล์ม จำกัด ฝ่ายละ 50% โดยทางบริษัทฯลงทุน 25 ล้านบาทรวม 2 เรื่อง

ทั้งนี้ การขยายธุรกิจในปีหน้าทุกส่วนจะทำให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ ในปีหน้าเป็นดังนี้ ทีวี 80% หนัง 10% อีเวนต์มาร์เกตติ้ง 5% และอื่นๆ เช่น พ็อคเก็ตบุ๊ค 5% โดยคาดว่ารายได้รวมในปีหน้าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%

อย่างไรก็ตาม นายครรชิต ยอมรับว่า ด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในขณะนี้ส่งผลต่อการหาโฆษณาเช่นกันในภาพรวม โดยอัตราการหาโฆษณาของบริษัทนยังถือว่าดีอยู่คือ อยู่ที่ 75% ซึ่งอยากจะให้ความเห็นว่า การที่ภาครัฐจะออกนโนยายอะไรออกมาขอให้มีความชัดเจนและแน่นอน เพราะผู้ประกอบการสามารถที่จะปรับตัวรองรับได้ เพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดและไม่มีความชัดเจนด้วย