ซีพีเอฟ เดินหน้าขยายธุรกิจสัตว์น้ำในจีนและมาเลเซีย หลังพบว่าในสองประเทศมีศักยภาพเติบโตดี โดยที่จีนตั้งบริษัทใหม่ลุยฟาร์มเพาะฟักลูกกุ้ง ส่วนที่มาเลเซียขยายธุรกิจอาหารปลา เพื่อเป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่ต้องการลงทุนเพิ่มในธุรกิจที่มีการขยายตัว

นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ วานนี้ว่าที่ประชุมได้มีมติอนุมัติให้ซีพีเอฟขยายธุรกิจสัตว์น้ำในประเทศจีนและประเทศมาเลเซียเพิ่มเติม เนื่องจากธุรกิจสัตว์น้ำของทั้งสองประเทศมีศักยภาพการเติบโตที่ดี

โดยในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้ซีพีเอฟจัดตั้งบริษัทย่อยขึ้นใหม่ซึ่งซีพีเอฟถือหุ้น 100% ภายใต้ชื่อ C.P. Aquaculture (Dongfang) Co., Ltd. โดยมีทุนจดทะเบียนเริ่มแรกจำนวน 10 ล้านเรนมินบิหรือประมาณ 45.22 ล้านบาท (คำนวณโดยใช้อัตราขายถัวเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ ณ วันที่ 18 ธันวาคม 2549 ซึ่งเท่ากับ 4.5226 บาท ต่อ 1 เรนมินบิ) เพื่อดำเนินธุรกิจฟาร์มเพาะฟักลูกกุ้ง อันเป็นโครงการต่อเนื่องในการขยายธุรกิจสัตว์น้ำในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนของบริษัท

สำหรับในประเทศมาเลเซียซึ่งซีพีเอฟได้เข้าไปลงทุนธุรกิจสัตว์น้ำในปีที่ผ่านมานั้น บริษัทได้เห็นศักยภาพในการขยายธุรกิจอาหารปลาเพิ่มเติม คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้ Star Feedmills (M) Sdn. Bhd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CPF ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนที่ออกและชำระแล้ว เข้าซื้อทรัพย์สินถาวรที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจผลิตอาหารปลาในมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 1.29 ล้านริงกิตมาเลเซีย หรือประมาณ 13.13 ล้านบาท (คำนวณโดยใช้อัตราขายถัวเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ ณ วันที่ 18 ธันวาคม 2549 ซึ่งเท่ากับ 10.1774 บาทต่อ 1 ริงกิตมาเลเซีย) ซึ่งเป็นไปตามแผนการขยายธุรกิจสัตว์น้ำในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจดังกล่าว

ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าว เป็นไปตามแผนการลงทุนของบริษัทที่เดินหน้าขยายงานลงทุนในประเทศที่มีโอกาสในการเติบโตและมีช่องทางในการทำธุรกิจ ซึ่งปี 50 นั้น บริษัทได้ตั้งงบลงทุนอีก 4 พันล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างละครึ่งซึ่งเงินลงทุนดังกล่าว ยังรวมถึงการขยายการลงทุนเพิ่มในบางธุรกิจที่บริษัทได้ลงทุนไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยเป็นการลงทุนที่ต่อเนื่องและเพิ่มเติมด้วย