|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เมเจอร์ ดึงธุรกิจ 4 แบรนด์ เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ อีจีวี พารากอน เอสพลานาด ลงทำตลาดร่วมกัน พร้อมดึงพันธมิตรในเครือเสริมแกร่ง ตอบไลฟ์สไตล์ลูกค้าเจาะทุกกลุ่มให้ชัดเจน หวังกระทุ้งยอดสิ้นปีโตอีก 20%
นายอนวัช องค์วาสิฏฐ์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานธุรกิจภาพยนตร์ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง แผนการดำเนินงานในปี 2550 บริษัทฯจะนำกลุ่มธุรกิจในเครือมาทำธุรกิจร่วมกัน โดยจะทำในรูปแบบของการนำแบรนด์โรงหนังทั้ง 4 ประกอบซึ่งประกอบด้วย เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ อีจีวี พารากอนซีนีเพล็กซ์ และแบรนด์น้องใหม่ล่าสุด เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ มาจัดแคมเปญร่วมกับกลุ่มบริษัทในเครือ หรือการนำพันธมิตรที่เป็นคู่ค้ามาทำการค้าร่วมกัน ซึ่งการทำธุรกิจในรูปแบบเช่นนี้ เป็นแนวใหม่และเป็นการเสริมการค้าและสร้างยอดขายให้กับธุรกิจต่อธุรกิจเอื้อเฟื้อต่อกันได้
ทั้งนี้การทำธุรกิจในรูปแบบนี้เคยมีมาก่อนแล้ว ซึ่งจะเป็นการทำเฉพาะการทำที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์แต่เพียงอย่างเดียว โดยการทำ คอนเวอร์เจ้น (การทำธุรกิจเชื่อมโยง) ระหว่างโรงภาพยนตร์เมเจอร์และดูโอโบว์ นั่นคือกลุ่มลูกค้าที่ซื้อบัตรชมภาพยนตร์จะได้รับบัตรโยนโบว์ลิ่งฟรี ทันทีซึ่งจากการโยงธุรกิจในรูปแบบนี้ สามารถดึงดูดฐานลูกค้าได้ทั้งสองทางและทำให้ยอดลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มได้กว่า 40%
“เราเล็งเห็นถึงการทำการค้าในรูปแบบที่สามารถเอื้อประโยชน์ให้ซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดีซึ่งการทำให้กลุ่มพันธมิตรที่มีอยู่ในเครือมารวมกันหาจุดแตกต่างในแต่ละแบรนด์ ดึงจุดแข็งให้สอดคล้องกับกลุ่มพันธมิตรที่อยู่ในเครือทำการค้าร่วมกันจัดแคมเปญหรือการทำโปรโมชั่นตามช่วงเทศกาลต่างๆจะสามารถสร้างยอดลูกค้าและยอดขายได้ ทั้งในแง่ของบริษัทเองและกลุ่มพันธมิตรที่อยู่ในเครือได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งนั่นจะทำให้ธุรกิจในกรุ้ปทั้ง 4 แบรนด์ จะเป็นเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ไลฟ์สไตล์ที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด” นายอนวัช กล่าว
พร้อมกันนี้บริษัทฯเตรียมใช้งบประมาณกว่า 200 ล้านบาท ไว้สำหรับการทำตลาดในปี 2550 ทั้ง 4 แบรนด์ ซึ่งงบดังกล่าวได้เพิ่มมากขึ้นถึงเท่าตัว สาเหตุที่ใช้มากขึ้นอันเนื่องจากงบในบางส่วนได้มาจากกลุ่มพันธมิตร ที่เข้ามาร่วมทำตลาดที่เพิ่มขึ้นโดยทิศทางการตลาดจะเน้นหนักด้านการจัดทำแคมเปญและการจัดโปรโมชั่นต่างๆมากเช่นเคย ส่วนที่พิเศษมากขึ้นจะมาจากการเพิ่มมูลค่าในการเลือกชมภาพยนตร์แล้วจะได้รับสิทธิ์ประโยชน์อื่นๆอีกซึ่งจุดนี้บริษัทฯเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างยอดรายได้เพิ่มมากขึ้น
สำหรับผลประกอบการในช่วงปี 2550 บริษัทฯเชื่อว่าการนำทั้ง 4 แบรนด์มาร่วมทำตลาดจะเพิ่มฐานที่แข็งแกร่ง จากเดิมที่ฐานลูกค้ามีอยู่ 1 ล้านคน เป็นลูกค้าที่แอ็คทีฟอยู่กว่า 90% และจะสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าได้เพิ่มขึ้น และมียอดการเติบโตโดยรวมได้กว่า 20%
ล่าสุดเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ได้จัดกิจกรรมการตลาดเพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการทั้ง 4 แบรนด์ของกรุ้ป ลุ้นรับ Prestige Pack บัตรชมภาพยนตร์เก้าอี้พิเศษ Honeymoon Seat ฟรี 2 ที่นั่ง ทุกรอบทุกโรง ทุกวัน รวมทั้งหมด 35 สาขา กว่า 4,300 รอบฉาย มากกว่า 88,000 ที่นั่ง ส่งท้ายแคมเปญ “Mavie Pleasure Celebration” ดูหนังแล้วลุ้นรับรางวัล และพร้อมรับสิทธิ์พิเศษจาก แคลิฟอร์เนีย ว้าว และแม็คโดนัลด์ ได้ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2549 ไปจนถึงวันที่ 14 มกราคม 2550 การจัดแคมเปญนี้มีมูลค่ารวมกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งคาดว่ากิจกรรมส่งท้ายปีรับปีใหม่จะสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าได้อีก 15% ได้อย่างแน่นอน
|
|
|
|
|