Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 ธันวาคม 2549
ตลาดตราสารหนี้ 6 หมื่นล.วุ่น กองทุนฝรั่งหนี ธปท.คุมบาท-โวยลามทั้งระบบ             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
Investment
Stock Exchange




ผู้จัดการกองทุน สวด ธปท.ยับ หลังออกมาตรการสกัดเก็งกำไรค่าเงินบาทรอบใหม่ ทำตลาดหุ้นพ่วงตลาดตราสารหนี้ป่วน ลงทุนพันธบัตรระยะสั้นช็อต เผยฝรั่งโยกเงินหนีตลาดหุ้นไทย ชี้นั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง ออกกฎไม่ถามผู้ปฏิบัติ แนะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายด้วยการ ลดอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) เพื่อลดแรงเก็งกำไรในตลาดเงิน

หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกประกาศเพื่อสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินบาท โดยกำหนดให้สถาบันการเงินที่รับซื้อหรือ แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินบาท ต้องกันเงินสำรองเป็นเงินตราต่างประเทศไว้ 30% ของเงินตราต่างประเทศที่นำมาแลกทั้งหมด ส่วนที่เหลือ 70% ให้รับซื้อหรือแลกเปลี่ยนให้ลูกค้า โดยเมื่อครบกำหนด 1 ปี ลูกค้าจะต้องแสดง หลักฐานให้ชัดเจนว่าได้นำเงินเข้ามาลงทุนอยู่ใน ประเทศเกิน 1 ปี จึงจะได้เงินที่กันสำรองไว้ 30% คืนไป หากลูกค้าต้องการเงินทุนกลับก่อนกำหนด 1 ปี จะได้รับเงินคืนเพียง 2 ใน 3 ของเงินที่กันไว้เท่านั้น ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 2549 ที่ผ่านมา ได้ฉุดความเชื่อมั่นการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นอย่างมาก ฉุดให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงกว่า 100 จุด และเป็นที่มาของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของบรรดานักเศรษฐศาสตร์ ผู้จัดการกองทุน และคนในแวดวงตลาดเงินตลาดทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากมาตรการที่ออกมาในช่วงก่อนหน้าไม่ได้มีการปรึกษา หรือขอคำแนะนำจากผู้ปฏิบัติ

**กองทุนนอกโยกเงินกลับทันควัน

แหล่งข่าวผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ กล่าวว่า หลังจากที่ ธปท.ออกมาตรการสกัดการเก็งกำไร ได้ส่งผลให้กองทุนต่างประเทศที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งบางกองทุนมีนโยบายชัดเจน หากประเทศไหนออกมาตรการ หรือมีการคุมเงินทุนเคลื่อนย้ายจะต้องถอนเงินลงทุนทันที ซึ่งจุดนี้เอง ทำให้กองทุนต่างชาติมีการเทขายหุ้นออกมา และเตรียมย้ายการลงทุนไปประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่มีนโยบายคุมเงินทุนเคลื่อนย้าย

แหล่งข่าวผู้จัดการกองทุนให้ความเห็นว่า มาตรการที่ ธปท.ออกมาถือเป็นการแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด ทั้งที่ ธปท.ออกมาแสดงจุดยืนชัดว่าต้องการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท แต่วานนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเพียง 0.50 สตางค์เท่านั้น ขณะที่ตลาดหุ้นร่วงลงกว่า 100 จุด

สำหรับการเคลื่อนไหวของตลาดตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านมา (ระหว่าง 20 พฤศจิกายน-15 ธันวาคม) มูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างประเทศมีประมาณ 60,000 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในพันธบัตรระยะสั้นอายุไม่เกิน 1 ปี ในสัดส่วน 25% อายุ 1-3 ปี 53% อายุ 3-5 ปี 1% และอายุ 6-10 ปี 17%

แหล่งข่าวกล่าวว่า วานนี้มูลค่าการซื้อขายในตลาดตราสารหนี้มีน้อยมาก ตลาดพันธบัตรแทบไม่มีการเคลื่อนไหว ขณะที่ตลาดการกู้ยืมระหว่างธนาคาร (สวอป) มีการทำรายการซื้อขายโดยดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเพียง 0.20%

แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์ กล่าวว่า มาตรากรที่ ธปท.ออกมาได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่สาระสำคัญต้องการป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาท ซึ่งมาตรการที่ออกมาทำให้กองทุนต่างชาติบางกองทุนเตรียมเคลื่อนย้ายเงินทุนไปลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ซึ่งไม่มีนโยบายคุมการเคลื่อนย้ายเงิน

อย่างไรก็ตาม สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่า ท้ายที่สุดแล้ว ธปท.จะยกเลิกมาตรการที่ออกมาหรือไม่

**ตลาดหุ้น-ตราสารหนี้ป่วน

“มาตรการที่ออกมาส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้น เป็นอย่างมาก หุ้นปรับตัวลดลงกว่า 100 จุด ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วมาตรการที่ ธปท.ออกมาต้องการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท สิ่งที่เกิดขึ้นจึงสะท้อนให้เห็นว่า มาตรการที่ออกมาเป็นแนวคิดของนักวิชาการ ที่นั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง ไม่สอบถามผู้ปฏิบัติ” แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์ กล่าว

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ นักเศรษฐศาสตร์อิสระ ให้ความเห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการออกมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทว่า การเข้ามาดูแลเสถียรภาพของค่าเงินบาทของธปท.ควรใช้มาตรการที่ไม่มีผลรกะทบต่อตลาดเงิน และตลาดทุน หรือถ้ามีผลกระทบก็ต้องให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด เพราะต้องยอมรับว่าการแข็.ค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่ผ่านมา เกิดจากการที่สถานะดุลการค้า โดยเฉพาะดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเริ่มดีขึ้น และตัวแปรที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่น นอกจากนี้ ธปท.ต้องมีข้อมูลให้ชัดว่านักลงทุนจะตอบสนองมาตรการอย่างไร

“มาตรการที่ ธปท.ออกมาเป็นใครๆ ก็ตกใจ เพราะมาตรการที่ออกมาคล้ายกับมาตรการที่ประเทศชิลีใช้เมื่อ 10 ปีก่อน ในการควบคุมเงินทุนเคลื่อนย้ายระยะสั้น ที่มีการออกมาตรการเก็บภาษีเงินไหลเข้า-ออก เพื่อลดการไหลเข้าของเงินทุนระยะสั้น หรือที่เรียกว่า Tobin Tax” นายอนุสรณ์ กล่าว

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า การเทขายหุ้นออกมาเมื่อวานนี้ (19 ธ.ค.) ที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนต่างชาติค่อนข้างไม่พอใจกับมาตรการที่ออกมา ซึ่งคล้ายกับการควบคุมเงินทุนเคลื่อนย้าย หรือจำกัดการลงทุน และมาตรการที่ออกมาก็ไม่สามารถตอบโจทย์การเก็งกำไรค่าเงินบาทได้

นักเศรษฐศาสตร์อิสระ เสนอแนะว่า ทางออกของการแก้ปัญหาธปท.ควรประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้มีเงินเคลื่อนย้ายเข้ามาเก็งกำไรในตลาดพันธบัตร และการลดดอกเบี้ยจะเป็นปัจจัยบวกกับเศรษฐกิจ เนื่องจากจะทำให้เกิดการลงทุนในช่วง 4-6 เดือนข้างหน้า เนื่องจากในปัจจุบันปัญหาเงินเฟ้อไม่น่ากังวลมากนัก หาก ธปท.ใช้นโยบายการเงินมากพอ จะช่วยลดแรงจูงใจเงินไหลเข้ามาเก็งกำไรในตลาดเงินได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us