Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 ธันวาคม 2549
ปี50ทาวน์เฮาส์บูม             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารอาคารสงเคราะห์

   
search resources

ธนาคารอาคารสงเคราะห์
Real Estate




“เจาะพฤติกรรมคนซื้อบ้านปี 2550” เทรนด์คอนโดฯ ทาวน์เฮาส์ ในเมืองยังแรงต่อเนื่อง นายแบงก์ระบุ สัดส่วนขอสินเชื่อสร้างโครงการทาวน์เฮาส์พุ่งแซงหน้าบ้านเดี่ยว เชื่อสินค้าออกสู่ตลาดปีหน้า ด้าน ด้านนายกอาคารชุดไทยชี้ขนาดครอบครัวไทยเล็กลงเหลือ 3 คน/ครัวเรือน แนะผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เหมาะสม

วานนี้ (19 ธ.ค.) ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดงานสัมมนาในหัวข้อ “เจาะพฤติกรรมคนซื้อบ้าน บุกตลาดปี 2550 อย่างมั่นใจ” นายอธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า จากสถิติขนาดครอบครัวของคนไทยลดลง จากปีที่แล้ว 4 คน ปัจจุบันเหลือเพียง 3 คนเท่านั้น ประกอบกับราคาน้ำมันที่แพงขึ้น ส่งผลให้พฤติกรมการอยู่อาศัยของคนไทยเริ่มเปลี่ยนมาซื้อที่อยู่อาศัยในเมืองมากขึ้น และอยู่บ้านขนาดเล็กลง ดังนั้นผู้ประกอบการควรคำนึงถึงพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปดังกล่าวด้วย

สำหรับแนวโน้มของตลาดในปี 2550 เชื่อว่า จะมีผลดีจากปัจจัยบวกมากกว่าปัจจัยลบ ทั้งในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะปรับลดลง โดยอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงทุก 1% จะทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น 6% ซื้อบ้านได้หลังใหญ่ขึ้น ในแง่ผู้ประกอบการทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง นอกจากนี้ แนวโน้มการลงทุนเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาล จะทำให้เกิดการลงทุนการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการเปิดหน้าดินทำให้เกิดทำเลใหม่ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย

ส่วนปัจจัยลบ ราคาที่ดินที่มีแนวโน้มราคาสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนพัฒนาสูงขึ้นตาม รวมถึงเหตุการณ์ความไม่สงบทางภาคใต้ รวมไปถึงการเลือกตั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2550 ซึ่งจะทำให้กฎหมายที่รอการอนุมัติจากคระรัฐมนตรี(ครม.) อาทิ พระราชบัญญัติ (พรบ.) ควบคุมอาคาร, พรบ.เอสโครว์ แอคเคานต์ ก็จะต้องรอต่อไป ส่วนกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ในสิ้นนี้ คือ กฎหมายตรวจสอบอาคารสูง 8 ประเภท ที่จะต้องตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2550 รวมทั้งสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อผู้ซื้อบ้านมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการตรวจสอบเครติดบูโร ส่งผลให้มีการปฏิเสธคำขอกู้มากขึ้น

“ การลงทุนในปีหน้าอย่าไปหวังว่าจะขยายตัวได้ดีกว่า แต่อาจจะใกล้เคียงกัน แตกต่างกันที่องค์ประกอบ เช่น ทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว ส่วนแบ่งตลาดอาจจะลดลง แต่อาคารชุดโตขึ้นอีกประมาณ 22% จากปีนี้ 20% เป็นผลมาจากปัญหาราคาน้ำมันแพง ค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูง”นายอธิปกล่าว

ด้านนายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า พฤติกรรมการบริโภคของคนเปลี่ยนไป จากเดิมที่ออกไปซื้อที่อยู่อาศัยชานเมือง ปัจจุบันเริ่มเข้ามาอยู่ในเมืองมากขึ้น เนื่องจากค่าใช่จ่ายในการเดินทางสูง อีกทั้งจะเห็นภาพของผู้เช่าอพาร์ตเมนต์อยู่หันมาซื้อคอนโดมิเนียม เพราะราคาเช่าและราคาผ่อนชำระรายเดือนอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน

นางลัดดาวัลย์ ธนะธนิตกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้ธนาคารมีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮาส์มากกว่าบ้านเดี่ยว ซึ่งชี้ให้เห็นว่าสินค้าที่จะออกมาในปีหน้าจะเป็นทาวน์เฮาส์มากกว่าบ้านเดี่ยว

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลยุทธ์การตลาดในปีหน้า ยังเน้นทำตลาดระดับกลาง และการบริหารต้นทุน ซึ่งที่พักอาศัยที่เป็นเทรนด์ของตลาดอสังหาฯ ในปีหน้า คือ คอนโดฯ เพราะเราต้องการที่อยู่บ้านที่ไม่ต้องมีภาระมากนัก บริษัทก็จะไปโฟกัสในตลาดคอนโดฯ ระดับกลาง ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัททำมาตลอด เป็นตลาดที่มีกำลังซื้ออยู่จำนวนมากแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะไม่ดีก็ยังขายได้

ทั้งนี้โครงการระดับซีบวก มีแนวคิดได้มาจากตลาดกลุ่มกลาง เพราะจากสำรวจพบว่า 30% ตลาดเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ในกรุงเทพฯ จากจำนวนประชากรในกรุงเทพ 12 ล้านคน ซึ่งหากมองในด้านความต้องการถือว่ามีจำนวนมหาศาล และเป็นความต้องการซื้อจริง(เรียลดีมานด์ )มีไม่ต่ำกว่า 3 ล้านหน่วย สามารถพัฒนาโครงการรองรับเฉลี่ย 20,000-30,000 หน่วยต่อปี

นายสัมมนา คีตสิน รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึงผลการสำรวจพฤติกรรมความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในปี 2550 ว่า ผู้ที่ต้องการซื้อภายใน 1 ปี ส่วนใหญ่อายุ 21-30 ปี คิดเป็น 41% ,อายุ 31-40 ปี 34% และอายุ 41-50 ปี 17% โดยส่วนใหญ่มีรายได้ต่อครัวเรือน 20,000-50,000 บาท/เดือน 31% รายได้ 10,000-20,000 บาท จำนวน 26%

ด้านราคาที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่ต้องการซื้อบ้านราคา 5 แสน – 1 ล้านบาท 38% ราคา 1-2 ล้านบาท 24% โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการซื้อบ้านภายในปี 2550 ประมาณ 62% จะซื้อบ้านราคา 5 แสนบาท – 2 ล้านบาท โดยจะพิจารณาจากรายได้และความสามารถในการผ่อนชำระควบคู่กัน ซึ่งผู้ที่มีรายได้ 20,000-50,000 บาทต่อครัวเรือน จะมีความสามารถผ่อนชำระ 6,700-16,700 บาทต่อเดือน ซึ่งจะซื้อบ้านได้ในราคา 1.095 - 2.73 ล้านบาท ส่วนทำเลที่มีความต้องการซื้อมากที่สุดในกลุ่มนี้จะเป็ฯที่อยู่อาศัยในย่านศูนย์กลางธุรกิจ หรือ ซีบีดี ประมาณ 13% รองลงมาด้านกรุงเทพฯตะวันออก 12%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us