พีเอฟพีทุ่มงบลงทุนปี 2550 กว่า 200 ล้านบาท เดินหน้าซื้อเครื่องจักรเพิ่มรองรับการเปิดตัวสินค้าใหม่ 50 รายการ พร้อมทั้งเล็งส่งไฟติ้งแบรนด์อาหารทะเลแปรรูปแช่แข็ง “มิกิ” หวังเจาะลูกค้าระดับกลางและล่างในตลาดสด และเพื่อรับมือตลาดอาหารแช่แข็งในประเทศที่คาดว่าแข่งเดือดในปีหน้า ตั้งเป้ายอดขายในประเทศปีหน้าแตะ 1 พันล้านบาท ส่วนตลาดต่างประเทศเน้นกระจายสินค้าให้ครอบคลุมและส่งสินค้าใหม่ไตรมาสละ 10 รายการ คาดยอดขายปีหน้า 2 พันล้านบาท

นายสุรัตน์ รัตนะพิสิฐ รักษาการผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท แปซิฟิคแปรรูปสัตว์น้ำ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปแช่แข็ง ภายใต้ยี่ห้อ “พีเอฟพี (PFP)” เปิดเผยว่า แผนการตลาดในปีหน้าบริษัทฯเตรียมงบลงทุนกว่า 200 ล้านบาทในการซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่ม เพื่อรองรับกับการผลิตสินค้าใหม่ในปีหน้าที่คาดว่าจะมีเพิ่มอีกประมาณ 40-50 รายการ รวมถึงยังเตรียมงบสำหรับทำการตลาดและสร้างตราสินค้าพีเอฟพีให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นผ่านสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆ

ประกอบกับปีหน้าบริษัทฯเตรียมเปิดตัวสินค้าอาหารทะเลแปรรูปแช่แข็ง ภายใต้แบรนด์ใหม่ “มิกิ” เพื่อรองรับกับตลาดกลุ่มกลางและล่าง หรือคนที่นิยมซื้อสินค้าตามตลาดสดทั่วไป โดยแบรนด์ใหม่นี้จะวางจำหน่ายในราคาประมาณ 70 บาท ซึ่งถือว่ามีราคาถูกกว่าพีเอฟพีที่วางขายอยู่ในราคา 90-100 บาท

“การที่บริษัทฯเปิดตัวแบรนด์ใหม่นี้เพื่อรองรับกับการแข่งขันตลาดอาหารแช่แข็งในประเทศที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น และยิ่งการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นตรงนี้จะทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ทำธุรกิจส่งออกได้รับผลกระทบและจะหันมากลับมารุกทำตลาดสินค้าในประเทศมากขึ้น”

ด้านช่องทางจำหน่ายสินค้าในปีหน้าบริษัทฯเตรียมรุกเพิ่มช่องทางขายในกรงุเทพฯและหัวเมืองใหญ่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในห้างโมเดิร์นเทรด ภัตตาคารและโรงแรม ในรูปแบบโออีเอ็มหรือการรับจ้างผลิต ขณะที่ตลาดต่างจังหวัดจะไม่เน้นทำตลาดเท่าที่ควร เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคในต่างจังหวัดยังไม่คุ้นเคยกับการทานอาหารแช่แข็งพร้อมทาน

สำหรับยอดรายได้รวมในปีหน้าบริษัทฯคาดหวังที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นหากเทียบกับปีนี้ที่คาดว่าจะปิดยอดที่800 ล้านบาท

นายธวัชชัย รัตนะพิสิฐ ผู้อำนวยการฝ่ายขายต่างประเทศ บริษัท แปซิฟิคแปรรูปสัตว์น้ำฯ กล่าวว่า สำหรับแนวทางการทำตลาดของพีเอฟพีในต่างประเทศนั้น บริษัทฯจะมุ่งไปที่การเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องหรือไตรมาสละ 10 รายการ พร้อมทั้งเน้นกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของโลก อาทิ ยุโรปตะวันออก ฯลฯ ทั้งนี้ในปีหน้าบริษัทฯคาดหวังว่ายอดขายต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะปิดยอดได้ 1,800 ล้านบาท