คุณเคยอ่านหนังสือ ที่เปลี่ยนชีวิตคุณบ้างไหม โอเค ไม่เว่อร์ถึงกับเปลี่ยนชีวิตก็ได้
แต่มีอิทธิพลมากขนาดทำให้คุณเริ่มมองโลกในมุมใหม่.... และในทางที่ดีขึ้น
The Tipping Point - How Little Things Can Make a Big Difference
เขียนโดย Malcolm Gladwell เป็นหนังสือ ที่ผู้เขียนนึกถึงในระยะหลังนี้ เมื่อได้ยินผู้คนบ่นท้อแท้เรื่องภาษาอังกฤษ
เพราะหนังสือเล่มนี้ยืนยันว่า มนุษย์เรามีศักยภาพ ที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ของตนเอง
และสามารถลงมือทำอะไรฉลาดๆ เพื่อช่วยตนเองได้
ล่าสุดนี้ รุ่นน้องสาวสวย ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับต้นๆในบริษัทเอกชนขนาดใหญ่
และกำลังเรียนเอ็มบีเอหลักสูตรทางไกลของมหาวิทยาลัยเมืองนอก ปรับทุกข์ให้ฟังว่าอาจจะต้องเลิกเรียนกลางคัน
ซึ่งจะทำให้เธอเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ อีกทั้งเสียเวลา และโอกาสก้าวหน้าในงานด้วยทั้งนี้ทั้งนั้น
เพราะเธอตามเนื้อหาในบทเรียนไม่ทัน ทำนองว่าต้องอ่านหลายรอบจึงจะพอรู้เรื่องเธอจึงวิตกมากว่าจะทำข้อสอบไม่ผ่าน
เธอบอกด้วยว่า ตัวแทนมหาวิทยาลัยเมืองนอกแห่งนี้ ก็พยายามช่วยเสริมภาษาอังกฤษให้กับผู้เรียนในหลักสูตรด้วยแต่เธอ
และ เพื่อนเรียนอีกหลายคนคิดว่าไม่พอกับความต้องการ เธอบ่นว่าค่าเล่าเรียนก็ไม่ถูกเลยเธอจึงไม่มีงบเหลือ
ที่จะไปเรียนอังกฤษเพิ่ม ปัญหาอีกอย่างคือ เธอทำงานหนักด้วย ไม่มีทางเจียดเวลาเดินทางไปเรียนอะไร
ที่ไหนอีกแล้ว
ฟังแล้ว ผู้เขียน ซึ่งเพิ่งจะอ่านเดอะทิปปิ้งพ้อยท์จบ ก็เลยส่งต่อแรงบันดาลใจ
ที่ได้จากหนังสือให้เธอฮึดสู้ภาษาอังกฤษอีกสักตั้งนึง
เราทั้งสองจึงนั่งลงคุยกัน โดยผู้เขียนเห็นทางออกอยู่ทางเดียว นั่นคือ เธอต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองเมื่อเธอไตร่ตรองดูแล้วเห็นด้วย
เราจึงช่วยกันวางแผนปฏิบัติการเป็นขั้นเป็นตอนให้เธอนำไปใช้โดยมีผู้เขียนช่วยให้กำลังใจ
ผู้เขียนเห็นว่า ขั้นตอน ที่ว่านี้น่าสนใจ และอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น
ที่อาจมีอุปสรรคคล้ายๆกับสาวเอ็มบีเอจึงขอนำมาเล่าสู่กันฟัง
ขั้นตอน ที่หนึ่ง: คุณเก่งอะไรบ้าง
อย่ามัวมองแต่ข้อด้อยหรือจุดอ่อนของตัวเองในการเรียนภาษาอังกฤษ ถามตัวเองว่า
เก่งอะไรบ้าง ถ้ายังเขินตอบไม่ได้ ก็ถามต่อไปว่า ชอบอะไรบ้าง ที่เป็นภาษาอังกฤษลองเปิดความคิดให้กว้างกว่าเพียงสี่ทักษะหลัก
ที่ใครๆชอบอ้างถึง ชีวิตนี้มีมากกว่า ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน คุณชอบเล่นเกมส์ครอสเวิด
ชอบฟังเพลง ดูหนัง อ่านการ์ตูน อ่านโฆษณา เขียนการ์ดวันเกิด ถ้ายังตอบไม่ได้อีก
ก็ให้ถาม เพื่อน ที่คุณไว้ใจ และมองโลกในแง่ดีด้วย เชื่อว่าคุณต้องค้นพบความเก่ง
ความถนัดหรือความชอบหลายข้อเป็นแน่
เมื่อคุณรู้แล้ว จงทำสิ่งเหล่านี้ให้บ่อยขึ้นพลัง ที่เพิ่มขึ้นจากตรงนี้จะทำให้คุณมีกำลังใจ
และกำลังปัญญา ที่จะตั้งรับสิ่งที่คุณยังไม่ค่อยถนัดต่อไป
ขั้นตอน ที่สอง: เลือกจุดเร่งด่วนที่สุดก่อน
ถามตัวเองว่าในระยะเวลาถัดจากนี้ไป ซึ่งอาจจะเป็นในช่วงหนึ่งเดือน สามเดือน
หรือครึ่งปี จุดใดด้านใดของภาษาอังกฤษของคุณ ที่อาจทำให้คุณเพลี่ยงพล้ำได้
ในกรณีของสาวเอ็มบีเอนั้น คือ คำศัพท์ และการอ่านเอาความ หรือ รี้ดดิ้งคอมพรีเฮนชั่น
ขั้นตอน ที่สาม:ใช้อินเตอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์
ปัจจุบันเทคโนโลยีทางอินเตอร์เน็ตพัฒนาไปไกลพอ ที่จะให้เราลองทำแบบฝึกหัด
และตรวจสอบความถูกต้องได้ด้วยแล้ว เว็ปไซต์บางแห่งมีข้อสอบวัดระดับความสามารถในการใช้ภาษาของเราได้ด้วย
ที่สำคัญคือ ฟรีด้วย และมีให้เลือกมากด้วย เพียงแต่คุณหมั่นเข้าไปหาเว็ปไซต์
ที่ถูกใจ และคอยระวังตัวไม่ไปคลิกเข้าโปรมแกรม ที่เสียสตางค์ก็พอแล้ว
ขั้นตอน ที่สี่: เลือกเว็ปไซต์ ที่ตรงกับความต้องการ
สำหรับเว็ป ที่มีแบบฝึกหัดอ่านเอาใจความ ที่ผู้เขียนลองแล้วชอบ คือ
http://www.englishspeaker.com มีหัวข้อภาษาอังกฤษในการทำธุรกิจ และคำศัพท์สำหรับธุรกิจโดยเฉพาะ
ตลอดจนบทความข่าวสาร ที่เกี่ยวกับธุรกิจ สังคม และการเมืองด้วย
http://www.englishlearner.com มีแบบฝึกหัดทดสอบการอ่านเอาความในหลายระดับความสามารถรวมทั้งระดับกลางๆหรืออินเตอร์มีเดีย
ซึ่งคนทำงานออฟฟิศส่วนใหญ่จะเข้าข่ายนี้แต่ไม่มีหัวข้อเรื่อง ที่เกี่ยวกับธุรกิจโดยตรง
http://www.better-english.com มีหัวข้อให้เลือกมากมาย นอกจากธุรกิจแล้ว
ยังมีคอมพิวเตอร์ รัฐบาล การศึกษา บันเทิง ฯลฯ ที่ดูจะแปลกหน่อยคือ เว็ปนี้เป็นของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษในประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งต่อต้านการใช้ภาษาอังกฤษในประเทศตัวเองมาก
ขั้นตอนสุดท้าย: หมั่นฝึกวิทยายุทธให้สม่ำเสมอ
ลองฝึกทำแบบฝึกหัดด้าน ที่คุณไม่ค่อยถนัดเป็นประจำทุกวัน
โดยจะยืมวิธีการติวของโรงเรียนติวคิดเลขของญี่ปุ่นมาน่าจะได้ คือ ฝึกทำเพียงวันละ
10 นาทีเท่านั้น ในไม่ช้าคุณก็จะรู้ว่า ทำอะไรได้ดีขึ้น และอะไรยังเป็นจุดอ่อนอยู่
เมื่อรู้แล้ว ฮึดสู้ต่อไป
หรือจะลองไปอ่าน The Tipping Point-How Little Things Can Make a Big Difference
เป็นกำลังใจโดยตรงก็ได้นะ