Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน18 ธันวาคม 2549
หุ้นหลักทรัพย์ปี50ส่อแววเดี้ยง             
 


   
search resources

Stock Exchange
ธริศา ชัยสมุนทรโยธิน




นางสาวธริศา ชัยสมุนทรโยธิน ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า ความน่าสนใจของหุ้นในกลุ่มหลักทรัพย์ในปีหน้าถือว่าไม่น่าสนใจเข้าไปลงทุน เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ไม่น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีนี้มาก โดยคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 16,000 ล้านบาทต่อวัน ขณะที่คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะอยู่ที่ 780 จุด แต่การที่ในปีหน้าไม่น่าจะมีบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาจดทะเบียนน่าจะส่งผลให้รายได้และกำไรของบล.ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากนัก

ทั้งนี้ ในปีหน้าเป็นช่วงที่บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆจะต้องมีการเตรียมความพร้อมรองรับกับการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ (ค่าคอมมิชชัน) และการเปิดเสรีใบอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ในอีก 5 ปีข้างหน้าซึ่งจะทำให้มีการแข่งขันที่สูง ดังนั้นบริษัทต่างๆต้องมีการปรับรูปแบบในการทำธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและจะต้องมีการกระจายรายได้มาจากส่วนอื่นมากขึ้น จากปัจจุบันที่บล.ต่างมีรายได้หลักมาจากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์สูงถึง 84%

สำหรับบริษัทที่มีการพึ่งพารายได้หลักมาจากนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จะมีความเสี่ยงทางด้านการเปิดเสรีฯเช่น บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) หรือ KEST ที่มีสัดส่วนสูงถึง 80% นอกจากนี้จากการที่มีการเตรียมลดค่าคอมมิสชั่นจากการซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตเหลือ 0.15% นั้น รวมถึงการอนุญาตให้นักลงทุนสามารถซื้อขายอินเตอร์เน็ตผ่านสาขาธนาคารนั้น น่าจะส่งผลดีกับบริษัทหลักทรัพย์ที่มีบริษัทแม่เป็นธนาคาร คือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BBL ที่มีสาขามากที่สุดถึง 700 สาขาทั่วไปประเทศ โดยน่าจะทำให้มีส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

“ปีหน้าบริษัทให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มโบรกเกอร์ในระดับที่ต่ำกว่าตลาด เพราะวอลุ่มการซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มาก และการที่ไม่มีหุ้นขนาดใหญ่เข้ามาจดทะเบียนซึ่งจะส่งต่อรายได้ของบล.ประกอบกับเป็นปีแห่งการปรับเปลี่ยน เพราะ โบรกเกอร์ต่างๆต้องมีการปรับทางด้านการดำเนินธุรกิจเพื่อที่จะรองรับการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่น-เสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ฯซึ่งจะทำให้มีการแข่งขันสูง” นางสาวธริศากล่าว

นางสาวธริศา กล่าวอีกว่า นักลงทุนที่สนใจจะลงทุนในหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ ควรที่จะมีการเลือกลงทุนเป็นรายบริษัท ซึ่งบล.นครหลวงไทย แนะนำให้ลงทุน 2 บริษัท คือ บล.บัวหลวง เนื่องจากคาดว่าจะมีผลประกอบการและส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้น จากการที่บริษัทดังกล่าวได้มีการร่วมทำธุรกิจกับ บริษัท มอร์แกนสแตนเลย์และจากการที่มีธนาคารคอยสนับสนุนและบริษัทดังกล่าวมีการขยายธุรกิจทางด้านอื่นๆโดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิปีหน้าอยู่ที่ 185 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีนี้ที่166 ล้านบาท

ส่วนอีกบริษัทคือ บล.ภัทร จากการที่เป็นบริษัทอันดับหนึ่งทางด้านงานวาณิชธนกิจมีสัดส่วนลูกค้าสถาบันและรายย่อยในสัดส่วนใกล้เคียงกันทำให้มาร์เกตแชร์ไม่แกว่งตัวมากประกอบกับ ซึ่งคาดว่ากำไรปีหน้าจะอยู่ที่ 602 ล้านบาท ลดลงจากปีนี้ที่ 679 ล้านบาทเนื่องจากในปีหน้าไม่มีบริษัทขนาดใหญ่เข้าจดทะเบียน

นางสาวสิริณัฏฐา เตชะศิริวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ SYRUS เปิดเผยว่า แนวโน้มหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ในปี2550 คาดว่าภาวะตลาดหุ้นจะมีลักษณะคล้ายกับในปีนี้ที่จะมีมูลค่าการซื้อขายคึกคักเป็นช่วงๆ โดยคาดว่ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยในปีหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 18,000 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่เฉลี่ย 17,000 ล้านบาทต่อวัน

ในส่วนเรื่องการลดค่าธรรมเนียม(ค่าคอมมิชชั่น) ผ่านอินเตอร์เน็ตเหลือ 0.15% นั้นไม่ค่อยมีผลกระทบต่อรายได้ของบล.มากนัก ซึ่งคาดว่ารายได้ก็จะใกล้เคียงกับปีนี้ แต่บล.ต่างๆจะต้องมีการปรับตัวในเรื่องการขยายฐานรายได้มาจากส่วนอื่นมากขึ้น เพื่อรองรับกับการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่น

ทั้งนี้ บริษัทไม่แนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ฯเนื่องจากในด้านปัจจัยพื้นฐานราคาหุ้นส่วนใหญ่มีการสูงเต็มมูลค่าแล้ว โดยบริษัทแนะนำลงทุนเพียง 2 บริษัท คือ บล.บัวหลวง ที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน โดยประเมินราคาหุ้นเหมาะสมปีหน้าอยู่ที่ 13.80 บาท และบล.ยูโอบี เคย์เฮียน โดยประเมินราคาหุ้นเหมาะสมที่ 6.80 บาท ส่วนบล.ภัทรก็ถือว่ายังน่าสนใจเข้าไปลงทุนจากเป็นโบรกเกอร์ขนาดใหญ่ โดยประเมินราคาหุ้นเหมาะสมอยู่ที่ 44 บาท

นักวิเคราะห์ บล. กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ในปีหน้าถูกกดดันจากการเปิดเสรีฯทำให้ต้องมีการปรับการดำเนินธุรกิจเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และในปีหน้าภาวะตลาดหุ้นก็ยังคงได้รับปัจจัยกดดันทางด้านการเมือง โดยมองว่าหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ปีหน้าจะทรงๆตัวใกล้เคียงกับปีนี้ ซึ่งคาดว่ามูลค่าการซื้อขายจะอยู่ที่ 17,000 ล้านบาทต่อวัน จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 16,000 ล้านบาทต่อวัน

สำหรับในระยะยาวหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ไม่น่าสนใจที่จะเข้าไปลงทุนจากปัจจัยทางด้านการแข่งขันในอนาคตที่สูง ขึ้น ซึ่งหากนักลงทุนจะเข้าไปลงทุนหุ้นกลุ่มดังกล่าวควรเลือกลงทุนเป็นรายบริษัทมากกว่า

นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่ปีหน้าเศรษฐกิจจะมีการปรับตัวดีขึ้นก็จะทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น ซึ่งคาดว่ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ 18,000 ล้านบาทต่อวันเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีนี้ที่ 17,000 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งนักลงทุนควรที่จะเลือกลงทุนเป็นรายบริษัท โดยบริษัทแนะนำซื้อ บล.ภัทร และ บล.บัวหลวง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us