บุญรอดฯ ประเดิมต้นปีหมู ส่งบี-อิ้ง ระเบิดตลาดเครื่องดื่มผสมวิตามิน 300ล.ปูพรม 3รสชาติ วางราคา 20 บาทเท่าชาเขียว เร่งป้อนข้อมูลเพื่อบูมตลาด ร่อนโบรชัวร์แจกทะลวงคนรุ่นใหม่ ด้านอะมิโน โอเค ผู้นำตลาด อัดฉีด 50 ล้านบาท ต้อนรับน้องใหม่

นายสันต์ ภิรมย์ภักดี ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชาเชียวโมชิ น้ำดื่มสิงห์ เปิดเผยกับ"ผู้จัดการรายวัน"ว่า บริษัทได้เตรียมเปิดตัวเครื่องดื่มผสมวิตามินภายใต้แบรนด์"บี-อิ้ง" ลงสู่ตลาดในช่วงเดือนมกราคมนี้ โดยประเดิมเปิดตัวด้วยกัน 3 รสชาติ ได้แก่ บี-อิ้ง ไฟน์ เครื่องดื่มผสมวิตามินรวม เอ,ซี,บี12 อี,ไนอะซิน กลิ่นสตรอเบอร์รี่ ตามด้วยเครื่องดื่มผสมกลุ่มกรดอะมิโน บีซีเอเอ และแอล-คาร์นิทีน รสบี-อิ้ง บูส พร้อมดื่มกลิ่นเกรฟฟรุต และรสชาติสุดท้าย บี-อิ้ง คอมฟอร์ท เครื่องดื่มน้ำรสมะนาว-ส้ม 5.5% ผสมใยอาหารพร้อมดื่ม

ทั้งนี้ในช่วงแรกจะวางจำหน่ายผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นแห่งเดียว โดยเป็บบรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ทขนาด 350 มล. จำหน่ายในราคา 20 บาท เท่ากับชาเขียวพร้อมดื่มและสินค้าคู่แข่งอย่างอะมิโน โอเค และไอเฟิร์ม สำหรับกลุ่มเป้าหมายบี-อิ้ง วางไว้เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความเร่งรีบในชีวิตแต่ต้องการดูแลและรักษาสุขภาพ โดยการทำตลาดในช่วงแรกบริษัทได้เตรียมให้ข้อมูลและความรู้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับประโยชน์การดื่มเครื่องดื่มดังกล่าว ผ่านการทำโบรชัวร์เนื่องจากตลาดนี้เป็นตลาดที่ใหม่สำหรับผู้บริโภค

"การที่บริษัทตัดสินใจลงสู่ตลาดวอเตอร์พลัสหรือเครื่องดื่มผสมวิตามิน เป็นเพราะมองว่าตลาดดังกล่าวจะกลายเป็นเทรนด์ในปีหน้านี้ แต่ปัจจุบันยังไม่มีผู้ประกอบการในวงการเครื่องดื่มทำตลาดมากนัก ส่วนสินค้าที่มีอยู่ในตลาดโดยมองเป็นเครื่องดื่มน้ำผลไม้ที่ผสมวิตามิน แต่ก็ยังมีส่วนผสมที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับบี-อิ้ง เป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของวิตามินมาก โดยมีการวางตำแหน่งทางการตลาดไว้อย่างชัดเจน"

อะมิโนอัด50ล.ต้อนรับน้องใหม่

นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีหน้านี้ในกลุ่มเครื่องดื่มผสมวิตามินภายใต้แบรนด์อะมิโน โอเค บริษัทได้ทุ่มงบตลาด 50 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อรองรับการแข่งขันในปีหน้า ซึ่งจะมีคู่แข่งเปิดตัวสินค้าในตลาดนี้ 2 ค่ายใหญ่ได้แก่ บุญรอดฯและอายิโนะโมะโต๊ะ จากปัจจุบันตลาดนี้มีผู้ประกอบการ 2 ราย ได้แก่ อะมิโน โอเค และไอเฟิร์ม โดยมีมูลค่าตลาดเพียง 300 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่ลงสู่ตลาดถือว่าเป็นเรื่องดี ที่จะช่วยผลักดันตลาดให้มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น

แนวโน้มตลาดเครื่องดื่มผสมวิตามิน ในช่วงที่ผ่านมาได้ค่อยได้รับการตอบรับมากนัก เนื่องจากการรับรู้ของผู้บริโภคยังน้อย โดยไม่รู้ว่าเป็นเครื่องดื่มเพื่ออะไร ดังนั้นการทำตลาดจะต้องใช้เวลาในการสร้าง ซึ่งในตลาดนี้โดยมากเป็นกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น ปัจจุบันอะมิโน โอเค เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 70% ไอเฟิร์ม 30%

ด้านแหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่ม เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ปัญหาของเครื่องดื่มผสมวิตามินขณะนี้ คือ ผู้บริโภคไม่รู้ว่าคืออะไร หรือขายอะไร เช่นในเรื่องของความสดชื่น หรือฟังก์ชันนัลด้านไหน เพราะเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ นอกจากนี้ยังติดข้อจำกัดจากทางสำนักคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. คือ ไม่สามารถสื่อสารให้กับผู้บริโภคได้อย่างเต็มที อย่างไรก็ตามสำหรับตลาดเครื่องดื่มผสมวิตามินในต่างประเทศ ถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี และจีน