"ไพศาล ชีวะศิริ" เจ้าพ่อน้ำเมาทุ่มกว่า 200 ล้านบาท ผุดโรงงานปราศจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชู "วงศ์ชนก ชีวะศิริ" ลูกสาวขึ้นแท่นประธานบริหาร ทุ่ม 50 ล้านบาทปั้นแบล็คแคท ค๊อฟฟี่ ระเบิดเซกเมนต์กาแฟกระป๋อง สร้างความต่างเจาะตลาดพรีเมียม รอเวลา 2 ปีระเบิดศึกกาแฟมูลค่า 2.1 หมื่นล้านครบวงจร จ่อคิวแตกไลน์น้ำดื่ม น้ำผลไม้ สร้างอาณาเต็มรูปแบบ ตั้งเป้าโกยแชร์ปีแรก5% จากตลาด 8,000 ล้านบาท คาด3 ปี กวาดแชร์เป็น 10 %
นางวงศ์ชนก ชีวะศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แบล็คแคท ค๊อฟฟี่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายกาแฟกระป๋องยี่ห้อแบล็คแคท ค๊อฟฟี่ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯได้แตกธุรกิจใหม่จากการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ธุรกิจของนายไพศาล ชีวะศิริ ผู้ซึ่งเป็นพ่อ มาสู่การผลิตเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ โดยได้ทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งใหม่บนพื้นที่ 100 ไร่ ที่จ.นครปฐม นำร่องในกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ ด้วยการลงสู่ตลาดกาแฟมูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาท
โดยได้เปิดตัวกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มแบรนด์ "แบล็คแคท ค๊อฟฟี่" ชูคอนเซปต์ "สไตล์ลิช คอฟฟี่" ประเดิมด้วยกัน 3 รสชาติ ได้แก่ เอสเปรสโซ่ ,ไอซ์ คอฟฟี่ และคอฟฟี่ ลาเต้ ซึ่งขณะนี้ได้ให้บริษัทนูบูนเป็นผู้ผลิตให้ จากนั้นในระยะ 2 ปีบริษัทฯจะขยายไลน์เครื่องดื่มกาแฟอย่างครบวงจร โดยบริษัทฯจะโยกไลน์การรับจ้างผลิตน้ำผลไม้เพื่อส่งออกเข้ามาเสริมกำลังการผลิต ขณะเดียวกันบริษัทฯยังเตรียมแตกไลน์น้ำดื่มแบรนด์ "แบล็คแคท" รวมทั้งเครื่องดื่มในตลาดอื่นๆ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯก็ผลิตน้ำผลไม้ส่งออกตลาดต่างประเทศ
สำหรับแผนการตลาดได้วางกาแฟกระป๋องแบล็คแคท เป็นกาแฟระดับพรีเมี่ยม จำหน่ายราคา 15 บาท เมื่อเทียบกับกาแฟกระป๋องทั่วไปราคา 12-13 บาท และสร้างความแตกต่างด้วยบรรจุภัณฑ์ที่สะดุดตา กระทั่งได้รับรางวัลแบดอวอร์ดวันที่ 15 ธันวาคม นี้ พร้อมกับการวางจุดขายเป็นกาแฟความสุข ที่ทำให้ผู้บริโภคดื่มแล้วมีความสุข ทั้งนี้เป็นเพราะต้องการสร้างความแตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่ตลาดเป็นกาแฟระดับแมส กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้แรงงาน ในขณะที่แบล็คแคทเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่และวัยทำงานที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย แปลกและแตกต่าง
บริษัทฯได้ทุ่มงบการตลาด50 ล้านบาท โดยเริ่มจากการแนะนำสินค้าผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ คอนเสิร์ต ภาพยนตร์ ดนตรี รวมทั้งการจัดโรดโชว์ แนะนำสินค้าตามสถานที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในวันที่ 18 ธันวาคม นี้ จะมีการจัดโชว์ของการประดับเพชรบนกระป๋องกาแฟจากร้านเพชร 5 แห่งเป็นครั้งแรกที่โรงแรมโอเรียนเต็ล ซึ่งประกอบไปด้วย ร้านบิวตี้ เจมส์ ,เจมส์ พาวิลชั่น ,บลู ริเวอร์ ไดมอนด์ และ แฟรงจิวเวลรี่ เป็นต้น ต่อจากนั้นจะมีภาพยนตร์โฆษณาเข้ามาเสริม
ด้านการจัดจำหน่ายได้ให้บริษัทภูบดี จำกัด หรือบริษัทในเครือเป็นดิสทริบิวเตอร์ ซึ่งขณะนี้ได้มีการแต่งตั้งทีมขายเครื่องดื่มปราศจากเครื่องดื่มแอลกอออล์แยกออกมา โดยในส่วนของภูบดีจะกระจายสินค้าในช่องทางโมเดิร์นเทรดและเทรดิชันนัลเทรด ส่วนหน่วยรถเงินสดและรถส่งสินค้าตามร้านค้าทั่วไป กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาอยู่ อย่างไรก็ตามในส่วนแรกของการจำหน่ายสินค้าแก่ทางยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว ได้เตรียมจัดกิจกรรมเพื่อผลักดันสินค้าเข้าร้านค้า
สำหรับตลาดกาแฟโดยรวมมีมูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็น ตลาดกาแฟคั่วบด 5,000 ล้านบาท กาแฟผงสำเร็จรูป 1 หมื่นล้านบาท และตลาดกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มมูลค่าตลาด 7,000-8,000 ล้านบาท มีอัตราอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5 % โดยบริษัทตั้งเป้าว่าในปีแรกจะมีส่วนแบ่ง 5 % และภายใน 3 ปีมีส่วนแบ่ง 10 % ซึ่งปัจจุบันตลาดกาแฟกระป๋องผู้นำตลาด คือ เบอร์ดี้ ครองส่วนแบ่งมากกว่า 60 % เนสกาแฟกว่า 30 % ที่เหลือเป็นของกระทิงแดง และอาฮ่า ฯลฯ
นางวงศ์ชนก กล่าวว่า สำหรับรายได้ของกลุ่มเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ บริษัทมียอดขายตกปีละ 300-400 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับกลุ่มเครื่องแอลกอฮอล์ถือว่า น้อยมากเพราะกำไรต่อหน่วยต่ำ อย่างไรก็ตามธุรกิจนี้ ถือว่าเป็นธุรกิจที่ตนเองใฝ่ฝันมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ ซึ่งการลงมือจับไลน์กาแฟจริงๆ วงจรธุรกิจก็เหมือนเดิม ไม่ต่างจากสุราหรือธุรกิจเครื่องดื่มอื่นๆ ต่างกันแค่ช่องทางจำหน่าย และการกำหนดกลยุทธ์การตลาด เพราะธุรกิจเหล้าจะมีช่องทางพิเศษที่ต่างจากเครื่องดื่มอื่น ส่วนกาแฟเป็นอีกแบบหนึ่ง คือ เป็นเครื่องดื่มไม่มีเวลาเป็นตัวกำหนดจะดื่มเมื่อไรก็ได้
ส่วนการเลือกแบรนด์"แบล็กแคท"เข้ามาทำตลาดเพราะเชื่อว่ากลุ่มผู้บริโภค จะจดจำตราสินค้าได้ง่าย และมั่นใจว่าผู้บริโภคจะไม่สับสนระหว่างกาแฟกับเหล้า เพราะการวางตำแหน่งการตลาดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยกาแฟแบล็คแคท อยู่ระดับพรีเมียม ส่วนเหล้าแบล็คแคท ระดับเซกันดารี่ ราคาขวดละกว่า 200 บาท ทำให้เป็นคนละกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน และประการสำคัญกับคนละตลาด นางวงศ์ชนก กล่าวทิ้งท้าย
|