Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2538








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2538
"บุญชัย เบญจรงคกุล ไม่ได้ "โทรศัพท์" ยูคอมอาจลำบาก"             
 


   
www resources

โฮมเพจ ยูไนเต็ด คอมมูนิเกชั่น อินดัสตรีส์

   
search resources

ยูไนเต็ด คอมมูนิเกชั่น อินดัสตรีส์, บมจ.
บุญชัย เบญจรงคกุล
Telecommunications




ช่วงสายของวันที่ 31 วิงหาคม ณ ห้องบอลรูมโรงแรมสยามอินเตอร์-คอนติเนนตัล กลุ่มยูคอมประกาศว่าจะเป็นวันแถลงผลประกอบการและทิศทางของกลุ่ม แต่ในความเป็นจริง ช่วงเวลาดังกล่าวมีความหมายมากกว่านั้น

โดยเฉพาะเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่กระทรวงคมนาคมกำลังพิจารณาโครงการโทรศัพท์ 1.9 ล้านเลขหมายและการแก้ไขแผนแม่บทโทรคมนาคม ที่มีประเด็นสำคัญ คือ การขยายโทรศัพท์ 6 ล้านเลขหมาย ที่ทุนสื่อสารทั้งหลาย ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าควรแบ่งออกเป็นระบบโซนนิ่งอ้างว่าเพื่อให้เอกชนรายเล็กรายน้อย ได้เข้าไปมีส่วนบ้างแทนที่จะเป็น 2 รายคือ ทีเอและทีทีแอนด์ที และก็แน่นอนว่า ยูคอมย่อมเป็นหนึ่งในเอกชน ที่เป็นตัวตั้งตัวตีกับแนวคิดในเรื่องนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

ถ้อยแถลงของบุญชัย เบญจรงคกุล คนโตของค่ายยูคอมในวันนั้น ประเด็นหลักจึงไปอยู่กับเรื่องโทรศัพท์พื้นฐานไป ส่วนนโยบายธุรกิจของบริษัทจึงกลายเป็นแค่ของแถม

นั่นเพราะ เป้าหมายหลักของการขยายธุรกิจยูคอมในเวลานี้ ไม่ใช่การลงทุนในต่างประเทศ ไม่ใช่การขยายธุรกิจสื่อสารแบบครบวงจรแต่เป็น "โทรศัพท์พื้นฐาน"

ไม่เพียงเพราะผลประโยชน์อันมหาศาล ที่จะได้มาจากการเป็นเจ้าของเครือข่ายโทรศัพท์ สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานแห่งยุคที่สำคัญที่สุด คือ การได้ครอบครองเครือข่ายแก้วนำแสง (ไฟเบอร์ออพติก) ที่สามารถแตกหน่อออกเป็นบริการเสริมเป็นจำนวนมากมาย

ในวันนั้น ยูคอมประกาศว่าปี 2537 มียอดรายได้ 10,600 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากยอดรายได้ปีที่แล้ว 5,130 ล้านบาท ถึง 110.52% และในปีนี้ยูคอม คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 20% จากปีที่แล้ว นับเป็นตัวเลขที่ไม่น้อย

รายได้ของครึ่งปี 2538 มีรายได้รวม 6,087 ล้านบาทซึ่งที่มาของรายได้หลักมาจากการขายอุปกรณ์เทอร์มินัล 38% รายจากการให้บริการ 34% รายได้จากการรับเหมาติดตั้งเครือข่ายโทรคมนาคม 21% อื่น ๆ 7%

หากพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่า ที่มารายได้ของกลุ่มยูคอม ยังคงมาจากธุรกิจดั้งเดิม ตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ คือธุรกิจรับเหมาติดตั้ง และรายได้จากการขายเครื่องลูกข่ายคือโทรศัทพ์มือถือ ภายใต้ยี่ห้อโมโตโรล่า ส่วนรายได้จากการให้บริการมาจากการให้บริการโทรศัพท์มือถือ ระบบแอมป์ 800 เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งก็จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนขยายเครือข่ายอีกเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะการลงทุนระบบดิจิตอล พีซีเอ็น 1800 ที่ต้องลงทุนอีกมากกว่าจะมีเครือข่ายครอบคลุมไปทั่วประเทศ

ในขณะที่รายได้จากสัมปทานบริการสื่อสารประเภทอื่น ๆ ที่ยูคอมคว้ามาครอง ในช่วง 2-3 ปีที่แล้ว อาทิ ทรังค์เรดิโอ โมบายดาต้า วิทยุติดตามตัว ยังไม่มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ

รวมทั้งสัมปทานใหม่อย่าง เคเบิลทีวี ที่ได้รับสัมปทานจาก อ.ส.ม.ท. ก็ยังไม่ได้เริ่มลงมือ เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูง และการแข่งขันก็รุนแรงมาก หรือแม้แต่โครงการสื่อสารผ่านดาวเทียมอีเรเดียม ก็ต้องใช้เงินลงทุนสูง และใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าจะมีรายได้ ในขณะที่สัมปทานดั้งเดิม อย่างโฟนพ้อยต์ สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น

บุญชัยยอมรับว่า แม้ยูคอมจะมีสัมปทานอยู่ในมือเป็นจำนวนมากก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงบริการเสริมเท่านั้น ซึ่งบริการเหล่านี้จำเป็นต้องพึ่งพาวงจรต่อเชื่อมของโทรศัพท์พื้นฐานทั้งสิ้น

ยูคอมเคยได้เรียนรู้จากบทเรียนอันเจ็บปวดในอดีตมาจากการเปิดให้บริการโทรศัพท์แอมป์ 800 ในช่วงที่ยังไม่เปลี่ยนเป็นระบบ 01 ยังต้องใช้เลขหมาย 7 หลักให้บริการแก่ลูกค้า ที่ต้องผจญกับความยุ่งยากนานาประการเพราะปัญหาการขาดแคลนเลขหมายโทรศัพท์

"แม้คุณจะมีบริการเสริมมากมายในมือ แต่หากคุณขาดโทรศัพท์พื้นฐานเท่ากับว่าไม่มีวงจรต่อเชื่อมคุณก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ที่สำคัญคุณไม่สามารถวางแผนธุรกิจได้เลย" บุญชัยตอกย้ำถึงความสำคัญของโทรศัพท์พื้นฐาน

นั่นเพราะการเป็นเพียงเจ้าของสัมปทานบริการเสริมแต่ไม่มีบริการพื้นฐานอยู่ในมือย่อมเป็นอันตรายยิ่งนักเมื่อรัฐบาลเปิดเสรีขึ้น โดยเฉพาะการที่ต้องต่อกรกับคู่แข่งที่มีบริการพื้นฐานอยู่ในมือ

การประกาศของบุญชัยที่จะไม่ขวางทีเอ และทีทีแอนด์ที ที่กำลังจะคว้าโครงการโทรศัพท์ 1.1 ล้านเลขหมายอีกต่อไป แต่ขอให้ยูคอมและชินวัตรมีส่วนร่วมใน 8 แสนเลขหมายที่เป็นขององค์การโทรศัพท์ฯ ก็เป็นพอ ก็เป็นการตอกย้ำความพยายามเป็นอย่างดี

นั่นเพราะยูคอมรู้แล้วว่าขวางไปก็ไม่มีประโยชน์ สู้รอทำโครงการใหม่ดีกว่า ซึ่งรัฐบาลชุดของนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่มีสมบัติ อุทัยสาง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นแกนหลักในเรื่องการขยายโทรศัพท์ก็เห็นชอบในการแบ่งโซนนิ่งตามที่เหล่าบรรดาเอกชนสื่อสารเสนอมา

ในวันนั้น บุญชัยกล่าวกับบรรดานักข่าวว่า แท้ที่จริงแล้วโครงการโทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมาย เกิดขึ้นมาได้ก็เพราะกลุ่มยูคอม

บุญชัยจึงชี้แจงแถลงไขว่า เมื่อ 4-5 ปีมาแล้ว กลุ่มยูคอมเคยอาจหาญยื่นเสนอขอโครงการขอติดตั้งโทรศัพท์จำนวน 1 แสนเลขหมายไปที่องค์การโทรศัพท์ฯ ในสมัยที่ไพบูลย์ ลิมปพยอมยังนั่งเป็นผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์ฯ แต่แล้วพอเปิดประมูลเข้าจริง กลุ่มยูคอมถูกเขี่ยตกไปโดยไม่มีสาเหตุมาก่อน ซึ่งจากโครงการที่ยูคอมเสนอไป 1 แสนเลขหมาย ก็ได้ขยายเพิ่มขึ้นจนกลายเป็น 3 ล้านเลขหมาย แต่ถูกหั่นเป็น 2 ล้านและ 1 ล้านเลขหมายมาอยู่ในมือของทีเอ และทีทีแอนด์ทีในที่สุด โดยที่ไม่มียูคอมร่วมวงไพบูลย์แต่อย่างใด

สิ่งที่บุญชัยพูดมาทั้งหมด เพื่อที่จะบอกให้รู้ว่ายูคอมมีความพร้อมเพียงใดกับการที่จะเข้าไปมีส่วนในการติดตั้งโทรศัพท์

"กลุ่มยูคอมมีความพร้อมเป็นอย่างยิ่ง และอาจจะมากกว่าคนที่ได้ทำโทรศัพท์อยู่ในวันนี้เสียอีก" บุญชัยประกาศ

แม้การที่บริษัทแทคบริษัทลูกที่รับสัมปทานโทรศัพท์มือถือ แอมป์ 800 จากการสื่อสาร ที่ได้ยื่นขอแปลงจากสัมปทานมาเป็นหุ้นก็มีทีท่าว่า จะเห็นองค์การโทรศัพท์ดีกว่าการสื่อสารเสียแล้ว ถึงกับเสนอให้หุ้นกับ ทศท. ถึง 11% ในขณะที่ กสท. ได้แค่ 10% และก็กลายเป็นว่า ทศท. จะเข้ามาถือหุ้นในแทคก่อนเจ้าของสัมปทานอย่าง กสท. เสียแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คงจะไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในรัฐบาลแล้ว ยูคอมคงต้องจะเข้าไปมีส่วนในโครงการขยายโทรศัพท์ 8 แสนเลขหมายของ ทศท. หรือแม้แต่ 6 ล้านเลขหมายอย่างแน่นอน ไม่ได้ก็เสียชื่อแย่

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us