เมื่อบริษัทเงินทุนไทยธนากร ถึงยุคต้องเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นใหญ่อีกครั้ง
หลังจากที่ธนาคารทหารไทยได้เสนอขายหุ้นที่ถือไว้ทั้งหมด 20% ของทุนจดทะเบียนออกจากพอร์ต
โดยกลุ่มที่ซื้อไปคือกลุ่มสี่แสงโยธา โดยสิโรจน์ วงศ์สิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการบริษัท
สี่แสงโยธา ซื้อ 6.8 นิพนธ์ โกศัยพลกุล 6.6 % วรวิทย์ ชวนะนันท์ ถือ 4% ราคารับซื้อตกหุ้นละ
67.50 บาท ราคารับซื้อเป็นเงินมูลค่าไม่ต่ำกว่า 337.50 ล้านบาท
ขณะที่กลุ่มแรกเข้ามาซื้อหุ้นตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา ราคาของหุ้นไทยธนากรเคลื่อนไหวผิดปกติ
ได้กระโดดจากราคาที่ทรงตัว 63-65 บาทจากราคาเพดานถึง 91.50 บาท พฤติกรรมอันน่าสงสัยว่า
" ใครคือขาใหญ่" ทำให้เจ้าหน้าที่ ก.ล.ต. จับตามอง และได้เข้ามาขึ้นเครื่องหมาย
ดีเอส เมื่อวันที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา
ปรากฏว่า ในวันที่ขึ้น ดีเอส หุ้นไทยธนากร ก็มีรายงานชื่อของหทัยรัตน์ จุฬางกูร"
แจ้งการถือครองหุ้นต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) เพราะถือไว้ถึง
8.6 7% ซึ่งเถือเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับสองของ บง.ไทยธนากร ทีเดียว
หทัยรัตน์ จึงถูกจับตาอย่างสงสัยว่า มีคงวามโยงใยเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มสี่แสงโยธาหรือไม่
หากเป็นจริงการถือครองหุ้นทั้งสองนับรวมกันถือเกิน 25% หรือเท่ากับ 28.67%
ซึ่งจะต้องมีการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ หรือคำเสนอซื้อหุ้นจากรายย่อย
โดยแท้จริงแล้ว ชื่อของหทัยรัตน์ จุฬางกูร อาจไม่เป็นที่รู้จักในวงการเงินและตลาดหุ้น
เพราะมหาเศรษฐีคนนี้ร่ำรวย เงียบ ๆ จากอาณาจักรพันล้านกิจการผลิตเบาะและชิ้นส่วนอะไหล่ป้อนอุตสาหกรรมรถยนต์
ในนามบริษัท " กลุ่มซัมมิทโอดตซีท" ซึ่งมีสามีคือสรรเสริญ จุฬางกูร
เป้นคีย์แมนคนสำคัญดูแลธุรกิจน้อยใหญ่ ส่วนตัวเธอเอง หันไปจับธุรกิจเรียลเอสเตท
ในนามบริษัท ซัมมิท ปาร์ค
แต่หากโยงใย สายสัมพันธฺ์กลุ่มนี้เข้ากับตระกูล " จึงรุ่งเรืองกิจ"ซึ่งเข้าไปซื้อเงินทุนหลักทรัพย์
บีซีซี ก็
จะพบความเกี่ยวดองเป็นพี่น้องกันคือ พัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ น้องชายของสรรเสริญ
ก็เป็นเจ้าของอาณาจักรกลุ่ม "ซัมมิทโอโตพาร์ท" และหลังจากซื้อกิจการ
บงล. บีซีซี ได้แล้ว พัฒนาก็ส่งสมพร จึงรุงเรืองกิจไปดูแลแทน
"นามสกุลจุฬางกูร ของสามีพี่ได้ให้พระอาจารย์ตั้งให้เกิดทีหลัง นามสกุลจึงรุ่งเรืองกิจของคุณพัฒนา
แต่คุณสรรเสริญซึ่งเป็นพี่คนโตก็ไม่ได้บังคับให้น้อง ๆ เปลี่ยน น้อง ๆ ส่วนใหญ่ซึ่งใช้นามสกุลจึงรุ่งเรืองกิจ
จึงยังใช้อยู่เพราะเกรงใจพี่คนที่สอง" หทัยรัตน์ เล่าให้ฟังถึงพี่น้องสายเลือดเดียวกันซึ่งมีอยู่
5 คน ได้แก่สรรเสริญ จุฬางกูร และน้อง ๆ อีกสี่คน จึงใช้นามสกุล จึงรุ่งเรืองกิจคือ
พัฒนา โกศล สุริยะ และอริสดา
สำหรับ " กลุ่มซัมมิทโอโตซีท" ของสรรเสริญ ก็เคยเข้าประมูลหุ้น
67 ล้านหุ้น ของบริษัทหลักทรัพย์ ไอทีเอฟ แต่ต้องมาพ่ายแพ้กับกลุ่มกฤษดานครของวิชัย
กฤษดาธานนท์ ไปอย่างเฉียดฉิวในที่สุด เพียงหุ้นละ 31 สตางค์ เท่านั้น เมื่อเอา
Discount rate 9% มาคำนวณค่าเงินสดปัจจุบัน กลุ่มซับมิทเสนอ 2,098 ล้านบาท
ราคาต่อหุ้น 31,114 บาท ซึ่งแพ้กลุ่มกฤษดานครที่เสนอ 2,119 ล้านบาท และราคาต่อหุ้น
31,430 บาท " ในอนาคตก็คิดว่า ยังสนใจดูอยู่ในธุรกิจไฟแนนซ์ เพราะาอยากจะฉีกแนวจากอุตสาหกรรมเดิมออกไป
เราน่าจะใช้ขยายไปอย่างอื่นบ้าง เพราะเราต้องเตรียมการให้ลูกชายทั้งสี่"
หทัยรัตน์ เล่าให้ฟัง หลังจากพลาดหวังจาก ไอทีเอฟ
การซื้อหุ้นบริษัทเงินทุน หลักทรัพย์ของหทัยรัตน์ กลายเป็นขาใหญ่ คนหนึ่งที่ถูกจับตามองจากทุกฝ่าย
โดยเฉพาะการซื้อหุ้นไทยธนากร เพิ่มอีก 4.55% เข้าพอร์ต โดยซื้อผ่านโบรกเกอร์เบอร์
6 หรือบงล ภัทรธนกิจ
เป็นหลัก
"ดิฉันเริ่มเข้ามาซื้อหุ้นไทยธนากร ตั้งแต่ยังไม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตอนนั้นถืออยู่
5 % ของทุนจดทะเบียน โดยซื้อนราคาพาร์ 10 บาท แต่พอหุ้นเข้าตลาด ก็ทำให้สัดส่วนการถือลดเหลือเพียง
4.12% จากนั้นก็ไม่สนใจหุ้นตัวนี้เลย ก็ได้รับปันผล 3 บาทต่อหุ้นเท่านั้น
จนกระทั่งมีข่าวว่า กลุ่มสี่แสงโยธา เข้าซื้อ ลูกชายบอกให้ซื้อเพิ่มก็เลยทำ
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มใดเลย" หทัยรัตน์ เล่าให้ฟัง
โดยส่วนตัวหทัยรัตน์ มีความสนใจในธุรกิจที่ดินมานานแล้ว มีทั้งซื้อเก็บสะสมและลงทุนซื้อเพื่อรองรับการขยายโรงงานอุตสาหกรรมอีกนับสิบ
ๆ กิจการ เช่นโรงงานซัมมิท สเตรียริ่งวิล ที่ผลิตพวงมาลัยรถ หรือโรงงานซัมมิท
อิเลคทรอนิกส์ คอมโพเน้นท์ ที่ผลิตชิ้นส่วนซีดีเป็นต้น
" ตอนที่มาตั้งโรงงานแถบนี้ยังไม่แพง แต่ตอนนี้จับไม่อยู่ ที่ดินข้างเคียงจะขาย
26 ล้านต่อไร่ สามีอยากได้มาก เพราะจะได้ขยายเนื้อที่ไป แต่เราก็ซื้อที่ดินตรงบริษัทธานินทร์ยูเนี่ยน
อุตสาหกรรม ตรงถนนกิ่งแก้ว ตรงนี้ซื้อและจ่ายเงินเป็นเงินส่วนตัว แต่อีก
20 กว่าไร่จะซื้อในนามบริษัท รวมแล้วก็จ่ายรวม 200 กว่าล้าน พี่จะถือเรื่อง
ฮวงจุ้ย เหมือนกัน ถ้าหากตั้งอยู่บนทางสามแพร่ง พี่จะไม่เอาเลยแม้จะราคาถูกอย่างไรก็ตาม
มันไม่สบายใจ" หทัยรัตน์ เล่าให้ฟัง
ความสนใจต่อกิจการเงินทุนหลักทรัพย์ ซึ่งมีศักยภาพเติบโตยังคงอยู่ในจิตใจของคนในตระกุลจุฬางกูร
เพียงแต่รอจังหวะและโอกาสเปิดเมื่อไหร่เท่านั้นนั้น หทัยรัตน์ จึงยังเป็น
ขาใหญ่ ที่โบรกเกอร์ ชั้นนำ ต้องรู้จักเธอ แม้ว่าครั้งหนึ่งเธอจะเคยพลาดหวังจาก
บงล.ไอทีเอฟ ก็ตามที