Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน11 กุมภาพันธ์ 2546
กองทุนตปท.สนใจแบงก์ หลังปรับตัวดีแก้หนี้เสีย             
 


   
search resources

ธนาคารกรุงเทพ, บมจ.
ชาติศิริ โสภณพนิช
โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์
Banking and Finance




นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ได้มีโอกาสเดินทางไปโรดโชว์ในต่างประเทศร่วมกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ โดยในฐานะตัวแทนของกลุ่มธุรกิจสถาบันการเงิน โดยในการโรดโชว์ดังกล่าว ปรากฏว่าภาคสถาบันการเงินได้รับความสนใจจาก กองทุนต่างประเทศเป็นอันดับที่ 2 รองจากบริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน)ที่เป็นกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีกองทุนต่างประเทศสนใจมากเป็นอันดับที่ 1 มีจำนวนมากกว่า 36 กองทุน เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศกำลังมองถึงการฟื้นตัวของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยดีขึ้น รวมทั้งยังมีแรงสนับสนุนจากรัฐบาลที่จะช่วยภาคธุรกิจดังกล่าว

ส่วนภาคสถาบันการเงินนั้น ได้มีจำนวนกองทุนต่างประเทศสนใจประมาณ 28 กองทุน โดยส่วนใหญ่จะมองถึงภาครวมของเศรษฐกิจไทยที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และภาคสถาบันการเงินถือว่าเป็นภาคหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมสนับสนุนเศรษฐกิจ ซึ่งคำถามส่วนใหญ่จะเป็นภาพกว้างถึงการปรับตัวของสถาบันการเงิน

รวมถึงถามเรื่องฐานะของสถาบันการเงิน ขณะนี้มีความเข้มแข็งระดับหนึ่งสามารถเดินหน้าทำธุรกิจต่อไปได้ และสถาบันการเงินเริ่มมีกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่องแล้ว ส่วนประเด็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)นั้น ถือว่าเป็นปัญหาที่จะต้องเร่งแก้ไขต่อไป แต่นักลงทุนต่างชาติมองว่าไม่ใช่ปัญหาหลักแล้ว

ชี้ 2 -3 ปี สถาบันการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ

กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวต่อไปว่า ภาคสถาบันการเงินไทยได้มีการปรับเปลี่ยนระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งเชื่อว่าได้หลุดพ้นภาวะวิกฤต ซึ่งส่วนใหญ่มาจากภาพรวมเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น ทำให้การดำเนินธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ขยายตัว โดยคาดว่าภาคสถาบันการเงินจะทยอยปรับเข้าสู่ภาวะปกติได้อีกประมาณ 2-3 ปีข้างหน้านี้

สำหรับธนาคารกรุงเทพ นั้น ธนาคารมีอัตราการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ โดยตั้งเป้าหมายที่จะขยายสินเชื่อ 2% จากในช่วง ที่ผ่านมาสินเชื่อของธนาคารปล่อยได้ 80,000-100,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 3.3 % คิดเป็นสินเชื่อสุทธิในปีที่ผ่านมาคือ 40,000-50,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ธนาคารมีเป้าหมายที่ที่จะแก้ไขเอ็นพีแอลประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีเอ็นพีแอลประมาณ 24% หรือประมาณ 2 00,000 ล้านบาทเมื่อมีการปรับโครง สร้างหนี้ได้ตามเป้าหมายจะส่งผลให้เอ็นพีแอลของธนาคารลดลงเหลือ 20%

เศรษฐกิจปีนี้โต 3-5%

นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้ จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะขยายตัวในระดับ3-5 % เนื่องจากได้รับแรงส่งจากการขยายตัวของภาคธุรกิจส่งออกเมื่อปลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้การบริโภคภายในประเทศที่มีเพิ่มขึ้น ดังนั้นจะยังเป็นภาคที่สนับสนุนเศรษฐกิจต่อไป

ในปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของประเทศมีการขยายตัวในระดับสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมีภาคการส่งออกเป็นตัวนำ เนื่องจากสหรัฐฯนำเข้าสินค้าในอัตราที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการบริโภคในไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นความต้องการในประเทศของภาครัฐ ทำให้เศรษฐกิจในประเทศมีอัตราการขยายตัวในระดับ 5%

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของสหรัฐยังมีความไม่แน่นอน ดังนั้น ในปีนี้จะหวังพึ่งการส่งออกไปสหรัฐเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้และกำลังซื้อของต่างประเทศจะมีอย่างต่อเนื่องในปีนี้หรือไม่นั้นยังเป็นความเสี่ยงอยู่ อีกทั้งหากมีเหตุการณ์ในสหรัฐก็จะมีผลกระทบต่อไทย เนื่องจากเป็นกำลังซื้อสินค้าสำคัญของประเทศ ดังนั้นในปีนี้การขยายตัวเศรษฐกิจคาดว่าจะอาศัยการบริโภคในประเทศเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อน และเชื่อว่าความต้องการซื้อสินค้าจะมีต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา

นายโฆสิต กล่าวอีกว่า ในปีที่แล้ว เป็นปีแรกที่เห็นการปรับตัวด้านโครงสร้างของภาคเอกชนอย่างชัดเจน สามารถยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการในไทย และเป็นพื้นฐานต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) แต่สิ่งสำคัญคือการรักษาความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องได้จะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจมีความต่อเนื่องเช่นกัน

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวถึงผล การแสดงข้อมูลในต่างประเทศ ว่า นักลงทุน ต่างประเทศได้ให้ความสำคัญกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยมากที่สุด เนื่องจากจะเกี่ยวโยงกับความสามารถในการสร้างรายได้ในอนาคต ซึ่งได้ชี้แจงว่า เศรษฐกิจของไทยปรับตัวจากเดิมมากเป็นที่สนใจของชาวต่างประเทศ ทั้งการลงทุนในหุ้นหรือตลาดต่างๆ ถ้าสามารถพัฒนาและรักษาการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ จะช่วยให้การลงทุนมีมากขึ้น ถือเป็นสิ่งที่ดีต่อตลาดเอง เพื่อให้บริษัทต่างๆ มีการขยายการลงทุนมากขึ้นและบริษัทจะมีความแข็งแรง ซึ่งขณะนี้ก็มีหลายบริษัทมีผลประกอบการออกมาดี เป็นที่น่าสนใจของนักลงทุน โดยเฉพาะภาค การผลิตและบริการ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us