คน ๆ นี้ไม่ได้ประสบความสำเร็จถือหุ้นสูงสุดของซิทก้าเพราะนามสกุลใหญ่โต
แต่เกิดที่ฝั่งธนบุรีในครอบครัวชาวจีน แซ่ฉั่วที่มีลูกมากถึง 8 คน ชีวิตวัยเด็กลำบากเพราะสิ้นบิดาทำให้ต้องหักเหฝันจากแพทย์ไปเรียนพาณิชยการพระนครส่วนพี่สาวแยกไปทำการค้าที่ฮ่องกง
วีระเรียนเก่งเป็นที่ 1 สายทั่วไปของประเทศและเอนทรานซ์เข้าคณะเศรษฐศาสตร์ที่ธรรมศาสตร์ได้
เป็นนักกิจกรรมตัวยงในกลุ่มเศรษฐธรรมและชมรมวรรณศิลป์ที่เคยรับรางวัลที่
1 จาก ดร. ป๋วย อึ้งภากรณ์มาแล้ว
เมื่อวีระก้าวพ้นจากรั้วธรรมศาสตร์ ก็เข้าทำงานครั้งแรกที่แบงก์ทหารไทยในฐานะนักวิจัยทำได้สองปีและย้ายไปทำกับ
บงล. สิโนทัยทรัสต์ ในตำแหน่งหัวหน้าแผนกควบคุมคุณภาพสินเชื่อ จากนั้นไปสอบชิงทุนแบงก์กสิกรไทยได้เรียนที่โรงเรียนด้านองค์การและจัดการ
ในนิวฮาเวน คอนเนคติกัตจนจบปริญญาโทการจัดการเอกชนและสาธารณะ ศึกษาเป็นพิเศษด้านบัญชี
การจัดการทั่วไปและยุทธศาสตร์ความร่วมมือต่อจากนั้นวีระเลือกเรียนต่อด้านเศรษฐศาสตร์
ที่มหาวิทยาลัยเยลเพราะชอบเศรษฐศาสตร์มากๆ และบรรยากาศแบบพึ่งพาอาศัยกันไม่แข่งขันรุนแรงเหมือนฮาร์วาร์ดหรือสแตนฟอร์ด
ระหว่างเรียนนั้นก็หาประสบการณ์ทำวิจัยกับธนาคารโลกที่กรุงวอชิงตัน ในหัวข้อ
"พัฒนาการเคลื่อนไหวของเกษตรกรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"
และในหนึ่งปีเคยทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเศรษฐกิจ เทศบาลเมืองฟินิกซ์
รัฐแอริโซนา สหรัฐฯ ทำงานด้านสินเชื่อในสถาบันเนชั่นแนล ดีเวลลอปเม้นท์ เคาน์ซิล
ซึ่งเป็นสถาบันการเงินใหญ่อันดับ 9 ของสหรัฐฯ
ด้วยวัยหนุ่มเพียง 26 ปี นักเศรษฐศาสตร์ผู้ปราดเปรื่องที่พ่วงท้ายปริญญาโทเศรษฐศาสตร์
จากมหาวิทยาลัยเยล ก็ถูกสุธีร์ อัสสรัตน์ เจ้าของ บงล. สิโนทัยทรัสต์ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่จบประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเยลเช่นกัน
ชักชวนมาร่วมงานในตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
วีระทำงานหนัก แต่เขาก็เดินมาถูกทาง ด้วยอายุเพียง 30 วีระก็ขึ้นเป็นกรรรมการผู้จัดการ
และ 5 ปีที่ผ่านมา ตำแหน่งซีอีโอของซิทก้ากรุ๊ปซึ่งต้องดูแลบริษัทในเครือ
10 แห่ง วีระเป็นคลื่นลูกใหม่ที่ผู้อาวุโสในคณะกรรมการให้การยอมรับคนตัวเล็กใจใหญ่นี้
แม้ว่าบางครั้งวีระจะคิดอะไรที่ใหญ่เกินตัวไปแต่นี่คือซูเปอร์ผู้จัดการที่ซิทก้าต้องมีอีกเยอะ
ๆ